นักธรรม

ห้องสมุด "นักธรรม" => คัมภีร์ => หนังสือ => คัมภีร์สามอริยา => ข้อความที่เริ่มโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 30/09/2010, 13:44

หัวข้อ: คัมภีร์สามอริยา
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 30/09/2010, 13:44

                     คำเกริ่น

       จิตคนเดิมดีงาม ไม่แบ่งแยกชายหญิง แต่แล้วก็ยังมีคนที่ไม่รู้ว่าสิ่งใดดีชั่ว จนหลงไปทำผิดก็มีมากมาย อย่างเช่น ไม่ทราบว่าฟ้าได้ให้พืชพันธุ์ทั้งหลายเป็นอาหารแก่มนุษย์ กลับหลงไปฆ่าสัตว์ตัดชีวิตมาเป็นอาหาร หรือไม่ก็เปลี่ยนไปตามสิ่งแวดล้อม ใกล้สิ่งที่ดีก็ดี ใกล้สิ่งที่ชั่วก็ชั่ว ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงมีทั้งดีและชั่วปะปน นำมาซึ่งผลกรรมต่าง ๆ มีทั้งวาสนาและเภทภัย มีทั้งลาภยศหรือโรคร้าย หรือการได้เสพสุขเป็นเทพชั้นฟ้า หรือต้องพบเจอกับภัยพิบัติตกไปในนรกรับทุกขเวทนา แม้แต่ตกลงไปในเปรตภูมิ เดรัจฉานภูมิ รับทุกข์เหลือประมาณ
       ดังนั้น เมื่อเกิดเป็นคน หากหลงสร้างกรรม ก็ต้องได้รับผลกรรมไปเวียนว่ายตายเกิดในภูมิวิถี 6  สิ่งทั้งหลายล้วนเป็นไปตามกรรม จึงพึงระมัดระวังไว้ให้ดี องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าโปรดฉุดช่วยสรรพสัตว์ ทรงบัญญัติศีลปานาติบาตไว้เป็นข้อแรกของอกุศลกรรมโปรดสั่งสอนให้ผู้คนรักษาศีลเว้นการฆ่าสัตว์ สวดมนต์ไหว้พระ ละเว้นความชั่ว  ประกอบแต่ความดี บำเพ็ญควบคู่ทั้งบุญวาสนากับปัญญา จนบรรลุเป็นพุทธะ พระอริยเจ้าจึงได้ฝากคำสอน สำหรับสาธุชนทั้งหลาย ให้คนน้อมนำปฏิบัติตาม เพื่อฟื้นฟูจิตดีงามของตน
       คัมภีร์ สามอริยา  ประกอบด้วย คำภีร์ไท่ซั่งกั่นอิ้งเพียน ของท่านเหลาจื่อ   คัมภีร์คุณธรรมแฝงของพระอริยเจ้าเหวินชังตี้จวิน  คัมภีร์ปลุกชาวโลกของเทพเจ้ากวนอู  ว่าด้วยหลักการแห่งความดี  ความชั่ว  วาสนาเภทภัย   
       เป็นรายละเอียดของการปฏิบัติความดี  ความชั่วว่าสิ่งใดคือความดี  สิ่งใดคือความชั่ว  ผลแห่งความดีเป็นเช่นใด  ทำชั่วจะได้ผลอย่างไร   ให้เห็นถึงรากฐานของกฏแห่งกรรม เพื่อให้มุ่งเน้นสร้างความดีรับบุญวาสนา  มิกล้ากระทำความชั่วจนพานพบพิบัติภัย 
หัวข้อ: Re: คัมภีร์สามอริยา : ถอดความไท่ซั่งกั่นอิ้งเพียน : บอกถึงความไม่ดีอันไม่
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 6/10/2010, 07:59

                             จากนี้ไปจะเป็นการบอกถึงความไม่ดีอันไม่พึงกระทำ

        หากบังเกิดจิตหรือห้วงคิดที่ผิดต่อมโนธรรม  เมื่อกระทำการสิ่งใดก็มักจะผิดต่อหลักธรรม เหล่านี้ล้วนเป็นการกระทำที่หลงผิดทั้งสิ้น หรือว่าเห็นการกระทำที่เลวร้ายเป็นสิ่งที่ดูเก่งกล้าสามารถ ไร้ความเมตตา ไปกระทำสิ่งที่โหดร้ายต่อชีวิตทั้งหลายได้ลงคอหรือคิดวางแผนให้ร้ายคนดีคนซื่อ หรือปกปิดหลอกลวงกษัตริย์ บุพการี  กระทำสิ่งอันอกตัญญู ไม่จงรักภัคดี หรือหยิ่งยโสดูแคลนครูบาอาจารย์ ละทิ้งซึ่งสิ่งอันพึงกระทำต่อครูอาจารย์ ไม่มีความซื่อสัตย์ต่อเจ้านาย สิ่งเหล่านี้ต่างเป็นการกระทำอันทรยศทั้งสิ้น
        บ้างหลอกลวงผู้ที่ไม่มีความรู้ ใส่ร้ายมิตรสหาย หน้าไหว้หลังหลอก ดูถูกว่าร้าย ให้ร้าย เปิดโปงวงศาคณาญาติ ถูกผิดกลับตาลปัตร ไม่รู้จักแยกแยะ สิ่งที่สนับสนุนหรือคัดค้าน ก็ไม่เป็นไปตามครรลองครองธรรม ทำตามอารมณ์ ดื้อรั้น เหี้ยมโหด ทำตัวผิดทางสิ่งเลวร้ายที่ควรห่างกลับเข้าหา สิ่งดีงามที่ควรเข้าหากลับหันหลังให้ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ไร้คุณธรรมทั้งสิ้น
        หลายคนเป็นเจ้านายคน แต่เพื่อให้ได้ซึ่งผลงาน หรือรางวัล ถึงกับยอมสละทิ้งลูกน้อง ใช้ความเดือดร้อนของลูกน้องเพื่อให้ตนเองได้ชื่อเสียงผลงาน  บางคนเป็นลูกน้องก็มักจะเอาแต่ประสบสอพอแล้วไม่รู้จักสำนึกคุณ ไม่ได้คิดจะตอบแทนคุณ หรือพบเจอกับเรื่องไม่พอใจ ความแค้นเล็กน้อยก็จำไว้ไม่ยอมลืม บ้างเป็นข้าราชการ กับเห็นประชาชนเหมือนต้นหญ้าไร้ค่า ปฏิบัติด้วยอย่างทารุณ หรือไม่ก็ไม่ใส่ใจ ซ้ำบางคนยังโลภในผลงาน เปลี่ยนนโยบายของบ้านเมืองพร่ำเพรื่อ ก่อกวนจนเกิดความวุ่นวาย เป็นผลร้ายต่อปวงประชา หรือมอบบำเหน็จให้รางวัลกับคนไม่ดี คนที่ไม่สมควรได้รับ บ้างก็ลงโทษคนดี คนที่ไร้ความผิดบ้างเพื่อทรัพย์สินผลประโยชน์ถึงกับทำร้ายเข่นฆ่าชีวิตผู้อื่น บ้างใส่ร้ายผู้อื่น เพื่อช่วงชิงตำแหน่งหรืออำนาจมา เข่นฆ่าผู้คนที่ยอมแพ้ เล่นงานคนที่เที่ยงตรง กดดันผลักไสปราชญ์ผู้มีคุณธรรมความสามารถ รังแกกลั่นแกล้งหญิงม่าย เด็กกำพร้า ทำผิดกฏหมายไปรับสินบน ไม่แยกแยะความผิดความถูก คนไม่ผิดกลับลงโทษ คนผิดกลับปล่อยให้รอดตัว
        คนที่มีความผิดเบา แต่กลับไปลงโทษหนักเกินควร เห็นคนถูกประหารแทนที่จะเห็นว่าได้รับโทษหนักแล้ว บังเกิดจิตเมตตาสงสารกลับไปเคียดแค้นเขาอย่างไร้เหตุผล บ้างรู้ว่าตัวเองมีความผิดแต่กลับไม่ยอมแก้ไข ได้รู้ในสิ่งที่ดีแต่ไม่ยอมไปปฏิบัติ เวลาที่ตนมีความผิด กลับไปโยนความผิดให้คนอื่น บ้างกีดขวางปิดกั้นความรู้และศาสตร์ที่ดีทั้งหลายไม่ให้ได้รับการเปิดเผยออกไป บางคนยังไปเยาะเย้ย ใส่ร้าย ให้ร้าย พระอริยะ หรือปราชญ์เมธี หรือถึงขั้นทำร้ายผู้ที่มีคุณธรรม
        บ้างยิงสัตว์ปีก จับหรือทำร้ายสัตว์บก ขุดหนอนแมลงที่อยู่ได้ดิน กลั่นแกล้งรังแกนกที่พำนักอยู่บนต้นไม้ ไปอุดรูสัตว์เช่นมด หนอน แมลง หรือไปทำลายพลิกคว่ำรังนก ทำลายสัตว์ที่ตั้งท้องอยู่ หรือทำลายไข่ของสัตว์ต่าง ๆ
        บางคนขี้อิจฉา ชอบเห็นคนอื่นเดือดร้อนพบเจอเภทภัย หวังอยากแต่ให้คนอื่นมีแตความผิดพลาดล้มเหลว  ทำลายผลงานหรือสิ่งที่ผู้อื่นเขาทำสำเร็จ หวังแต่จะให้ตนสงบสุข แต่กลับทำให้ผู้อื่นตกอยู่ในอันตราย ทำให้คนอื่นเสียหาย ขาดทุน เสียเปรียบเพื่อให้ตนเองได้ประโยชน์ ได้เปรียบ ได้กำไร  แอบนำเอาสิ่งที่เสียของตนไปสับเปลี่ยนกับของคนอื่นที่ยังดีอยู่ อาศัยเรื่องของส่วนรวมมายังประโยชน์แก่ตน เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน  จนทำให้ส่วนรวมต้องเดือดร้อน
       บ้างขโมย แย่งชิงผลงานของผู้ิื่อื่น ปิดบังข้อดีของคนอื่น สาธยาย ต่อเติม เผยแพร่เรื่องที่ไม่ดีของผู้คน หรือเปิดเผยความลับอันน่าอับอายของเขา บ้างก็ใช้ทรัพย์สินหมดไปกับการพนัน สุราอาหาร หรือความฟุ่มเฟือยทั้งหลาย บางคนไม่เพียงแต่ไม่ช่วยให้ครอบครัวคนอื่นเขาปรองดองยังยุยงให้แตกแยกกัน พี่น้องทะเลาะกันหรือเร่งรัดหนี้จนบีบให้คนต้องเอาลูกไปขาย บ้างก็ไปบีบแย่งชิงสิ่งรักของผู้อื่น ช่วยเหลือคนอื่นในการทำชั่ว
      บ้างชอบใช้อำนาจรังแกคน อวดเบ่งศักดา เหยียดหยามคนอื่นเพียงเพื่อจะเอาชนะ ทำลายพืชพรรณ ต้นกล้าของผู้อื่น ทำลายชีวิตคู่ของเขา บ้างพอร่ำรวยก็หยิ่งยโส ทะนงตน อันธพาล ส่วนบางคนเล็ดรอดจากการรับโทษของความผิดที่ทำไว้ กลับไม่รู้จักละอายใจ บางคนรู้จักรับแต่ชอบ ไม่รับผิด ไม่ก็ชอบแอบอ้างรับผลงานแต่ผลักความผิดให้ผู้อื่น บ้างแอบยัดเยียดหรือขายของกลาง ของโจรให้คนอื่น ทำให้คนอื่นต้องเดือดร้อน
      บางคนไปซื้อหาเสียงจอมปลอม ทำให้ตนได้รับการยกย่องสรรเสริญ ภายนอกทำเป็นเหมือนคนดี แต่จิตใจกลับแฝงไว้ด้วยความคิดให้ร้าย คอยปัดขัดขวางทำลายในข้อดีของคนอื่นให้ไม่สามารถแสดงออกมาได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังปิดบังข้อเสียข้อบกพร่องของตนเองเอาไว้โดยไม่รู้จักแก้ไข ใช้อำนาจในการข่มเหงข่มขู่ ปล่อยปละให้เกิดความโหดเหี้ยม ฆ่าทำร้ายทำลายชีวิตผู้อื่น หรือตัดผ้าอย่างไม่มีสาเหตุ ( พึงทราบว่าผ้าแต่ละผืนนั้นจะทอมาได้แสนลำบาก จึงไม่ควรตัดเล่นอย่างพร่ำเพรื่อ ) ต้มฆ่าสัตว์ ( สัตว์นั้นต่างมีชีวิตพึงเมตตาสงสารการฆ่ากินสัตว์ไม่เพียงแต่ทำลายคุณธรรมยังเป็นผลเสียต่อร่างกายด้วย ) โดยผิดต่อคุณธรรม หลายคนทิ้งขว้างพืชพันธุ์ธัญญาหาร เห็นประชาชนเป็นเหมือนม้าเหมือนลา ใช้แรงงานทำให้ผู้คนต้องเหน็ดเหนื่อยลำบาก วางแผนชิงทรัพย์สินของผู้อื่น จนกระทั่งทำให้เขาบ้านแตกสาแหรกขาด ทำลายเขื่อนกั้นน้ำหรือวางเพลิงเพื่อทำลายที่พักอาศัยของคนอื่น อิจฉาผลงานของคนอื่น จึงวางแผนก่อกวนให้งานนั้น ๆ ต้องยกเลิกกลางคัน แกล้งทำลายอุปกรณ์ของผู้อื่นให้เขาทำอะไรไม่ได้ ( หลายครั้งอุปกรณ์เลี้ยงชีพเป็นสิ่งสำคัญ การถูกทำลายทำให้การทำมาหากินลำบากมาก )
หัวข้อ: Re: คัมภีร์สามอริยา : ถอดความไท่ซั่งกั่นอิ้งเพียน : บอกถึงความไม่ดีอันไม่
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 6/10/2010, 08:45

        พบเห็นผู้อื่นสูงศักดิ์มีเกียรติก็บังเกิดจิตริษยา หวังอยากจะให้เขาต้องถูกเนรเทศ หรือว่าถูกลดตำแหน่ง เห็นผู้คนร่ำรวยมั่งคั่งก็หวังว่าสักวันเขาจะล้มละลาย เห็นลูกภรรยาสามีคนอื่นหน้าตาดี ก็บังเกิดจิตตัณหาราคะอยากจะครอบครอง เวลาที่ติดค้างเงินทองผู้อื่นก็หวังอยากให้เจ้าหนี้ตาย ๆ ไปเสีย จะได้ไม่ต้องชดใช้หนี้ เวลาขอร้องอะไรกับใครแล้วไม่ได้ดั่งใจ ก็เกิดความแค้นพยาบาทสาปแช่งเขา  ยามที่เจอคนผิดหวัง หรือไม่สมหวัง กลับกล่าวหาว่า เพราะปกติดันสร้างกรรมไว้มากตอนนี้เลยถูกกรรมสนอง เห็นคนเจ็บป่วยหรือว่าพิการ หน้าตาอัปลักษณ์ กลับไปหัวเราะเยาะใส่ เห็นคนมีความสามารถน่าชื่นชม ไม่เพียงแต่ไม่ชื่นชมซ้ำยังกีดขวางทับถมเขา บ้างทำยันต์หรือไสยศาสตร์ต่าง ๆ ทำร้ายคน ใช้ยาในการฆ่าทำลายต้นไม้ โกรธแค้นครูอาจารย์ที่มาตำหนิ หรืออบรมสั่งสอนกระทำผิดหรือบาดหมางต่อพ่อหรือพี่
       ฝืนจะเอาในสิ่งอันตนไม่อาจได้หรือไม่พึงได้ แย่งชิงทั้งที่ลับหรือที่แจ้ง อาศัยแผนการ อาศัยการปล้นชิง หรือใช้อำนาจแย่งชิง จนทำให้ร่ำรวย ใช้การประจบสอพอ วางแผนต่าง ๆ เพื่อให้ตนได้เลื่อนขั้น ให้บำเหน็ดรางวัลหรือลงโทษคนอย่างไม่ยุติธรรมเสพสุขมากจนเกินควรอย่างไม่รู้จักควบคุม เรียกร้องเข้มงวดทารุณกับลูกน้องจนเกินควร หรือข่มขู่คุกคามข่มขวัญผู้อื่น
       บางคนพอเรื่องราวไม่ได้ดั่งใจ ก็โทษฟ้าโทษดินโทษโกรธเจ็บแค้นผู้คน ฟ้าฝนไม่เป็นไปตามใจ ก็ด่าลมด่าฝน บ้างก็ชอบยุยงให้ผู้คนผิดใจกัน หรือยุให้ผู้อื่นต้องขึ้นโรงขึ้นศาล เพื่อให้ตัวเองนั้นได้ประโยชน์  ตั้งพรรคแบ่งพวกแก่งแย่งชิงดี คบหาเพื่อนเลว ๆ บางคนเอาแต่ฟังคำยุยงลับหลังของภรรยา กระทำผิดต่อคำสอนของพ่อแม่ ได้ใหม่แล้วลือเก่า ไร้น้ำใจ ไร้มโนธรรม ปากปราศรัยใจเชือดคอ ปากกับใจไม่ตรงกัน
      โลภโมโทสันในวัตถุเงินทองอย่างไม่รู้จักพอ  ซ้ำยังไม่รู้จักจะละอาย หลอกลวงเบื้องสูง เจ้านาย  ให้เกิดประโยชน์แก่ตน
สร้างข่าวลือ คำลวง ใส่ร้ายผู้บริสุทธิ์ ตำหนิกดข่มผู้อื่น เพื่อยกตนให้สูงขึ้น เหยียดหยามด่าว่าเทพเทวา สิ่งศักดิ์สิทธิ์  เพื่อยืนยันว่าตนเองนั้นถูกต้องละทิ้งสัมมาธรรมไปเข้าหามิจฉาธรรม ทดอทิ้งบุพการี ดีกับคนนอก หรือดีกับภรรยามากกว่าบุพการีของตน
      กับเรื่องขัดแย้งเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ถึงกับขอให้ฟ้าเป็นพยาน เพื่อปิดบังการกระทำอันเลวร้ายของตน ซ้ำยังขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เทพเทวาเป็นพยาน บ้างให้ทานแล้วเกิดเสียดาย ยืมของคนอื่นมาก็จงใจไม่ชดใช้คืนให้ เพ้อเจ้อหวังลาภยศชื่อเสียงที่เกินตัวเบ่งอำนาจวาสนา ละโมบในกามตัณหาอยากไม่รู้จักควบคุม
      ทำเป็นสีหน้าท่าทางที่ใจดีมีเมตตา แต่กลับมีจิตใจที่ชั่วร้าย นำเอาอาหารที่เสีย หนอนขึ้น หรือของสกปรกให้ผู้อื่นกิน ใช้ศาสตร์นอกรีต มิจฉาศาสตร์มาหลอกลวงผู้คนให้ลุ่มหลง เห็นแก่ผลประโยชน์เล็ก ๆ น้อย ๆ  โกงเครื่องวัดตาชั่ง เพื่อเอาเปรียบผู้อื่น หรือเอาของปลอมไปผสมของจริง ขายของปลอมหรือยาปลอม ทำเงินปลอม หรือบีบบังคับคนให้ไปขาย ต้องไปเป็นทาส วางแผนวางกับดักเพื่อหลอกหรือกลั่นแกล้งคนโง่เขลา
หัวข้อ: Re: คัมภีร์สามอริยา : ถอดความไท่ซั่งกั่นอิ้งเพียน : บอกถึงความไม่ดีอันไม่
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 6/10/2010, 10:13

        มีความโลภ ในสุรา ตัณหา ทรัพย์สิน  หรืออารมณ์อย่างไม่รู้จักพอ ไปฟ้องต้อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือสาบานสาปแช่ง เพื่อพิสูจน์ว่าตนเองนั้นเป็นคนถูก บ้างมักมากในสุรา จนกระทำการอันมิควรหรือในครอบครัว พ่อแม่ พี่น้อง ต่างทะเลาะเบาะแว้ง แก่งแย่งกันบ่อย ๆ  เป็นชายไม่ซื่อสัตย์ดีงาม เป็นหญิงไม่สุภาพอ่อนโยน เมื่อมีครอบครัวสามีกับภรรยาก็ไม่รู้จักปรองดองกัน ภรรยานั้นก็ไม่รู้จักเคารพในสามี หรือเป็นชายที่มัดโอ้อวด อวดอ้างตน เป็นหญิงที่มักมีจิตใจอิจฉาริษยา เป็นสามีที่โหดร้ายไร้เมตตา  ไม่ก็ใกล้ชิดสนิทสนมกับภรรยาจนเกินควร  ต่อบุตรถ้าไม่ใช่ตามใจจนเกินควรก็เรียกร้องจนเกินไป เป็นลูกสะใภ้แต่เฉื่อยชาเสียมารยาทต่อพ่อแม่ของสามี หรือเฉื่อยชาหละหลวม ต่อการเซ่นไหว้บรรพบุรุษ กระทำผิดต่อคำสั่งของเบื้องสูง ไม่ว่าจะต่อหน้าพระมหากษัตริย์  บุพการี  ครูบาอาจารย์ หรือเจ้านาย หรือกระทำแต่สิ่งไม่มีประโยชน์ไร้สาระ ยังแอบแฝงเจตนาเป็นอื่น เช่น ขุนนางหรือพสกนิกรหลอกลวงพระมหากษัตริย์  บุตรทรยศต่อบุพการี  นอกใจสามีหรือภรรยา พี่น้องหรือมิตรสหายให้ร้ายกันและกัน บ้างก็ชอบสาปแช่งทั้งตนเองและสาปแช่งผู้อื่น  มีอคติลำเอียงในสิ่งที่ตนรักหรือชัง
       บ่อน้ำหรือเตาไฟ นั้นจะมีเทพอยู่ แต่กลับเดินข้าม เป็นการไม่เคารพต่อเทพเทวา ทำร้ายทารุณลูกของต้วเอง  หรือทำแท้งบุตรที่อยู่ในครรภ์  กระทำสิ่งไม่ควรที่ไม่อาจเปิดเผย  ไม่อาจให้คนรู้ ร้องรำทำเพลงเต้นรำในวันสำคัญ อันได้แก่ วันสิ้นเดือน  วันสิ้นปี วันที่หนึ่งเดือนที่หนึ่ง  วันที่ห้าเดือนที่ห้า  วันที่เจ็ดเดือนที่เจ็ด  วันที่หนึ่งเดือนสิบ  วันที่แปดเดือนสิบสอง  ตามปฏิทินจันทรคติ  หรือโหวกแหวกโวยวาย  ด่าทอในวันขึ้นหนึ่งค่ำ  หรือในยามเช้าตรู่  ถ่มน้ำลาย  สั่งน้ำมูก  ขากเสลด  ขับถ่ายหนักเบาไปทางทิศเหนือ  ร้องเพลงหรือร้องไห้ต่อหน้าเตาไฟ  หรือใช้ไฟในเตาไฟ ( เตาแก๊ส ) มาจุดธูป ใช้ฟืนสกปรกในการมาเผาเพื่อหุงหาอาหาร
       ในบ้านผู้คน  ทั้งกลางวันกลางคืน มักจะมีภูตผีเทพเทวาผ่านไปมา แต่บางคนเวลาลุกขึ้นมากลางดึก  ร่างกายเปล่าเปลือยไม่ใส่เสื้อผ้าถือเป็นการไม่เคารพ  หรือว่ามีการลงทัณฑ์ประหารนักโทษในวันเทศกาลทั้งแปด  หรือถ่มน้ำลายใส่ทางดาวตก เอานิ้วไปชี้สายรุ้ง  หรือพวกที่มักจะใช้มือไปชี้  หรือจ้องมองพระอาทิตย์  พระจันทร์  ดวงดาว เป็นเวลานาน ๆ ในฤดูใบไม้ผลิก็เผาป่าล่าสัตว์ หรือด่าทอโดยหันไปทางทิศเหนือ  หรือฆ่าเต่าฆ่างู อย่างไร้สาเหตุ

        หากมีความผิดทั้งหลายดังกล่าวข้างต้นนี้ ( ตั้งแต่ หากบังเกิดจิต ห้วงคิดที่ผิดต่อมโนธรรม จนถึง ฆ่าเต่า งู อย่างไร้สาเหตุ ) เทพเทวาก็จะอาศัยความผิดบาปหนักเบาที่ได้สร้างไว้  เพื่อใช้วินิจฉัยว่าจะตัด ลดทอนอายุขัยเท่าไร  ความผิดหนักนั้นจะมีการทอนอายุขัย สิบสองปี  ความผิดเบาก็จะลดอายุขัยหนึ่งร้อยวัน  จนกระทั่งหมดสิ้น ก็จะถึงวันตายของคนนั้น ๆ หากแม้ตายแล้วหนี้เวรกรรมยังชดใช้ไม่หมด  ก็จะต้องให้ลูกหลานชดใช้ต่อ  อย่างพวกที่ใช้อำนาจในการแย่งชิงทรัพย์สินของผู้อื่น  ส่วนใหญ่มักจะทำเพื่อตนเอง ภรรยา  หรือครอบครัว  ดังนั้นผลกรรมเหล่านี้จะตกไปถึงภรรยาและครอบครัวของเขาด้วย  จนกว่าความผิดจะชดใช้อย่างเหมาะสม 
         ดังนั้นผู้ที่มีความผิดบาปหยาบช้ามาก  ก็จะถูกตัดอายุขัย จนยากจะพ้นแก่ความตายได้  หากโชคดีมีความผิดบาปเล็กน้อย  แม้จะยังไม่ถึงขั้นต้องเสียชีวิต  แต่ก็อาจจะพบกับเภทภัยจากอัคคีภัย  อุทกภัย  ถูกโจรขโมยปล้นชิง  สูญเสียสิ่งของ  เจ็บไข้ได้ป่วย  หรือมีคดีความ เป็นต้น  เพื่อมาชดใช้มูลค่าของเงินทองที่ได้แย่งชิงมา
        กับพวกที่ใส่ร้าย หรือให้ร้ายคนจนต้องตาย เพราะการให้ร้ายคนถึงตาย ก็เหมือนกับใช้อาวุธอีกแบบหนึ่งในการไปฆ่าเขาหรือผู้ที่เอาทรัพย์อันมิพึงได้มา เสมือนหนึ่งกินเนื้อพิษ หรือดื่มสุราพิษเพื่อดับความหิวกระหาย ซึ่งไม่เพียงแต่ไม่อาจช่วยให้อิ่มยังจะนำมาซึ่งความตายอีกด้วย  ในยามที่ในใจบังเกิดห้วงคิดที่เป็นกุศล  แม้จะยังไม่ได้ลงมือกระทำจริง ก็สามารถทราบซึ้งถึงเทพแห่งมงคลทั้งหลายให้มาคอยปกปักรักษา  โดยหวังว่าจะให้ดำเนินซึ่งความดีเหล่านั้น แล้วได้รับการประทานซึ่งบุญวาสนา ในทางกลับกัน หากในใจบังเกิดความคิดอกุศล ถึงแม้จะยังไม่ได้ลงมือไปทำ ก็ได้ชักพามาซึ่งเทพแห่งเคราะห์ภัยที่คอยจับตาดูอยู่  และเมื่อความชั่วได้กระทำไป ก็จะประทานซึ่งวิบัติภัยต่าง ๆ มาให้
        ทว่า  หากผู้ใดที่เคยกระทำผิดไปแล้ว  ได้สำนึกผิดแก้ไขในภายหลัง อีกทั้งตั้งใจจะตัดสิ้นซึ่งความชั่วร้ายทั้งหลาย มุ่งมั่นในการกระทำแต่ความดี  เมื่อปฏิบัติเช่นนี้นานวันเข้า ย่อมจะได้รับความสุขสวัสดิมงคล  "" นี่เป็นการแปรเคราะห์ภัยให้เป็นบุญวาสนา ""  ดังนั้น คนบุญที่พยายามกระทำความดีนั้น ด้วยเหตุที่วาจา  การมอง  และการกระทำของเขามีแต่ความดี ในแต่ละวันมีความดีอยู่สามประการ  ภายในสามปี ฟ้าเบื้องบนก็ย่อมจะประทานบุญวาสนาแก่เขา  เพิ่มอายุขัยให้เขา
        ส่วนคนชั่ว ที่มักกระทำชั่ว ด้วยเหตุที่วาจา  การมอง  และการกระทำของเขามีแต่ความชั่ว  ในแต่ละวันมีความชั่วอยู่สามประการ ภายในสามปีเบื้องบนย่อมประทานเคราะห์ภัยแก่เขา ตัดอายุขัยของเขา
      ดังนั้น มนุษย์เราเมื่อทราบเช่นนี้แล้วไยจึงไม่ตั้งมั่นในการกระทำความดีทั้งหลาย และแปรเคราะห์ภัยให้เป็นวาสนาอีกเล่า   
หัวข้อ: Re: คัมภีร์สามอริยา : ชีวประวัติพระอริยเจ้าเหวินชังตี้จวิน
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 7/10/2010, 08:34

                                           พระอริยเจ้าเหวินชังตี้จวิน

          คำว่า "" เหวินชัง "" เดิมเป็นชื่อเรียกรวมของกลุ่มดาว 6 ดวง ซึ่งหมายถึง " ตำหนักเหวินชัง " พระอริยเจ้าเหวินชังตี้จวิน หรืออีกพระนามหนึ่งเรียกว่า พระอริยเจ้าจื่อถงตี้จวิน เดิมแซ่ จาง  นามหยาจื่อ  พำนักอยู่ที่ " เขาชีฉวี่ " เสียชีวิตในการศึก  และมีผู้คนสร้างศาลเพื่อกราบไหว้บูชา  "" จางหยางจื่อ "" คือ จางอวี้  ที่เป็นชาวสู่  ในสมัยราชวงศ์จิ้นตะวันออก รัชสมัยหนิงคังที่ 2 ( ปีค.ศ. 374 ) ตั้งตนเป็นสู่อ๋อง ได้ชูธงธรรมต่อต้านฝูเจียนแห่งเฉียนฉิน  และเสียชีวิตในสนามรบ
         คนในยุคหลังต้องการระลึกถึง "จางอวี้" จึงได้สร้างศาล แล้วบูชาเป็นเจ้ามังกรเหลยเจ๋อ  ภายหลังศาลของจางอวี้ถูกเรียกรวมกับศาลพระอริยเจ้าจื่อถง  จางอวี้  หรืออีกพระนามหนึ่ง  จางหยาจื่อ   
         จนกระทั่งในปี ค.ศ.1316ในรัชสมัยเอวี๋ยนเหริน จึงได้มีการพระราชทานนามของจางหยาจื่อ เป็น""ฝูเอวี๋ยนไคฮว่าเหวินชัง-ซือลู่หงเหรินตี้จวิน  ตั้งแต่นั้นมา
         พระอริยเจ้าจื่อถง หรือ จางหยาจื่อ ก็ถูกขานพระนามว่า "" พระอริยเจ้าเหวินชังตี้จวิน ""
หัวข้อ: Re: คัมภีร์สามอริยา : บทสวดเหวินชังตี้จวินอินจื้อเหวิน : คัมภีร์คุณธรรมแฝง
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 7/10/2010, 11:07

                                            บทสวด เหวิน ชัง ตี้ จวิน จื้อ เหวิน
                              ( คัมภีร์คุณธรรมแฝง  พระอริยเจ้าเหวินชังตี้จวิน )

 ตี้ จวิน เยวีย  :
อู๋ สือ ชี ซื่อ เหวย ซื่อ ไต้ ฟู เซิน เว่ย ฉาง เนวี่ย หมิน คู่ ลี่
จิ้ว    เหริน   จือ   นั่น    จี้    เหริน จือ จี๋
หมิ่น เหริน    จือ   กู     หรง เหริน จือ กั้ว
กวั่ง   สิง   อิน   จื้อ     ชั่ง   เก๋อ  ชัง ชยง
เหริน เหนิง หรู หว่อ ฉุน ซิน  เทียน ปี้  ชื่อ หรู่ อี่ ฝู
อวี๋ ซื่อ ซวิ่น อวี๋ เหริน เยวีย :
สี อวี๋ กง จื้อ อวี้         ต้า ซิง ซื่อ หม่า จือ เหมิน
โต้ว ซื่อ จี้ เหริน         เกา เจ๋อ อู่ จือ จือ กุ้ย
จิ้ว อี่ จ้ง จ้วง เอวียน จือ เสวี่ยน ไหม เสอ เสี่ยง ไจ่ เซี่ยง จือ หรง
อวี้ กวั่ง ฝู เถียน         ซวี ผิง ซิน ตี้
สิง สือ สือ จือ ฟัง เปี้ยน จั้ว จ่ง จ่ง จือ อิน กง
ลี่ อู้ ลี่ เหริน              ซิว ซ่าน ซิว ฝู
เจิ้ง จื๋อ ไต้ เทียน สิง ฮว่า   ฉือ เสียง เว่ย กว๋อ จิ้ว หมิน
ฉุน ผิง เติ่ง ซิน           คั่ว ควัน ต้า เลี่ยง
จง จู่ เซี่ยว ซิน           จิ้ง ชยง ซิ่น โหย่ว
เหอ มู่ ฟู ฟู่               เจี้ยว ซวิ่น จื่อ ซุน
อู๋ ม่าน ซือ จ่าง            อู๋ อู่ เซิ่ง เสียน
ฮั่ว เฟิ่ง เจิน เฉา โต่ว     ฮั่ว ไป้ ฝอ เนี่ยน จิง
เป้า ต๋า ซื่อ เอิน           กวั่ง สิง ซัน เจี้ยว
ถัน เต้า อี้ เอ๋อ ฮว่า เจียน หวัน  เจี่ยง จิง สื่อ เอ๋อ เสี่ยว อวี๋ เม่ย
จี้ จี๋ หรู จี้ เหอ เช่อ จือ อวี๋  จิ้ว เหวย หรู จิ้ว มี่ หลัว จือ เชวี่ย
จิน กู ซวี่ กว่า               จิ้ง เหล่า เหลียน ผิน
จวี่ ซ่าน เจี้ยน เสียน       เหลา เหริน เจ๋อ จี่
ชั่ว  อี  สือ  โจว  เต้า    ลู่  จือ  จี   หัน   
ซือ  กวัน  กั่ว  เหมี่ยน  ซือ  ไห  จือ พู่  ลู่
เจ้า  โล่ว  เจ๋อ  จือ  เหริน  เอวี๋ยว  ซิง  ฉี่  เหมิง  จือ  อี้  สู
เจีย  ฟู่  ถี  ซี  ซิน  ซี  ซุ่ย  จี  เจิ้น  จี้  หลิน  เผิง
โต่ว  เซิ่ง  ซวี  เย่า  กง  ผิง    ปู้  เข่อ  ชิง  ชู  จ้ง  รู่
หนู  ผู  ไต้  จือ  ควัน  ซู่  ฉี่  อี๋  เป้ย  เจ๋อ  เคอ  ฉิว
อิ้น  เจ้า  จิง  เหวิน     ซ่วง  ซิว  ซื่อ  เอวี้ยน
เส่อ  เย่า  ไฉ  อี่  เจิ๋ง  จี๋  ขู่  ซือ  ฉา  สุ่ย  อี่  เจี่ย  เข่อ  ฝัน
เตี่ยน  เยี่ย  เติง  อี่  เจ้า  เหริน  สิง  เจ้า  เหอ  ฉวน  อี่  จี้  เหริน  ตู้
ฮั่ว  ใหม่  อู้  เอ๋อ  ฟั่ง  เซิง   ฮั่ว  ฉือ  ไจ  เอ๋อ  เจี้ย  ซา
จวี่  ปู้  ฉาง  คั่น  ฉยง  อี่      จิ้น  หั่ว  ม่อ  เซา  ซัน  หลิน
อู้  เติง  ซัน  เอ๋อ  หวั่ง  ฉิน  เหนี่ยว  อู้  หลิน  สุ่ย  เอ๋อ  ตู๋  อวี๋  เซีย
อู้  ไจ่  เกิง  หนิว         อู้  ชี่  จื้อ  จื่อ
อู้  โหมว  เหริน  จือ  ไฉ  ฉ่าน   อู้  ตู้  เหริน  จือ  จี้  เหนิง
อู้  อิ๋นเหริน  จือ  ชี  หนวี่        อู้ ซัว  เหริน  จือ  เจิง  ซ่ง
อู้  ไฮว่  เหริน  จือ  หมิง  เจี๋ย  อู้  พั่ว  เหริน  จือ  ฮุน  อิน
อู้  อิน  ซือ  โฉว   สื่อ  เหริน  ซยง  ตี้  ปู้  เหอ
อู้  อิน  เสี่ยว  ลี่   สื่อ  เหริน  ฟู่  จื่อ  ปู๋    มู่
อู้  อี่  เฉวียน  ซื่อ  เอ๋อ  หรู่  ซ่าน  เหลียง  อู้  ซื่อ  ฟู่  หาว  เอ๋อ  ซี ฉยง  คุ่น
อี  เปิ่น  เฟิ่น  เอ๋อ  จื้อ  เชียน  กง  โส่ว  กุย  จวี่  เอ๋อ  จุน  ฝ่า  ตู้
เหอ  เสีย  จง  จู๋      เจี่ย  ซื่อ  เอวียน  เอวี้ยน
ซ่าน  เหริน  เจ๋อ  ซิน  จิ้น  จือ   จู้  เต๋อ  ซิ่ง  อวี๋  เซิน  ซิน
เอ้อ  เหริน  เจ๋อ  เอวี่ยน  ปี้  จือ  ตู้  ไจ  ยัง  อวี๋  เหมย  เจี๋ย
ฉาง  ซวี  อิ่น  เอ้อ  หยาง  ซ่าน    ปู้  เข่อ  โข่ว  ซื่อ  ซิน  เฟย
เหิง  จี้  โหย่ว  อี้  จือ  อวี่     หวั่ง  ถัน  เฟย   หลี่  จือ  เอี๋ยน
เจี่ยน  อ้าย  เต้า  จือ  จิง  เจิน  ฉู  ตัง  ถู  จือ  หว่า  สือ
ซิว  สู่  ไป่  เหนียน  ฉี  ชวี  จือ  ลู่  เจ้า  เชียน  วั่น  เหริน  ไหล  หวั่ง  จือ  เฉียว
ฉุย  ชวิ่น  อี่  เก๋อ  เหริน  เฟย  เจวียน  จือ  อี่  เฉิง  เหริน  เหม่ย
จั้ว  ซื่อ  ซวี  สวิน  เทียน  หลี่  ชู  เอี๋ยน  เย่า  ซุ่น  เหริน  ซิน
เจี้ยน  เซียน  เจ๋อ  อวี๋  เกิง  เฉียง  เซิ่น  ตู๋  จือ  อวี๋  ชิน  อิ่ง
จู  เอ้อ  ม่อ  จั้ว     จ้ง  ซ่าน  เฟิ่ง  สิง
หย่ง  อู๋  เอ้อ  เย่า  เจีย  หลิน  ฉาง  โหย่ว  จี๋  เสิน  หย่ง  ฮู่
จิ้น  เป้า  เจ๋อ  ไจ้  จื้อ  จี่  เอวี่ยน  เป้า  เจ๋อ  ไจ้  เอ๋อ  ซุน
ไป่  ฝู  เผียน  เจิน    เชียน  เสียง  อวิ๋น  จี๋
ฉี่  ปู้  ฉง  อิน  จื้อ  จง  เต๋อ  ไหล  เจอะ  ไจ               


             
หัวข้อ: Re: คัมภีร์สามอริยา : คำแปลคัมภีร์คุณธรรมแฝงพระอริยเจ้าเหวินชังตี้เหวิน
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 8/10/2010, 05:00

พระอริยเจ้าเหวินชัง ทรงตรัสว่า :          ข้าเกิดกายมาทั้งสิ้นสิบเจ็ดชาติ
เป็นขุนนางเรื่อยมามิได้ขาด                 ทุกภพชาติมิทารุณปวงประชา
ทั้งยังคอยช่วยเหลือผู้มีภัย                  อนุเคราะห์ให้กับผู้เดือดร้อน
เวทนาผู้กำพร้าอนาทร                       อโหสิผันผ่อนผู้ผิดไป
ปฏิบัติแผ่ซึ่งคุณธรรมแฝง                    จนจรดแจ้งรู้ซึ้งถึงใจฟ้า
ผู้ใดหากดำรงใจได้เฉกข้า                    จักได้รับวาสนาฟ้าประทาน
จึงบอกกล่าวเป็นโอวาทตรัสสอนไว้ :       กาลก่อนในสมัยของอวี๋กงนั้น
ดำรงรักษ์หน้าที่ราชทัณฑ์                    อนุชนรุ่งทั่วกันประตูสี่ม้า
ตระกูลโต้วสงเคราะห์ช่วยผู้คน               ผลิออกผลรับกุ้ยฮวาห้ายอดกิ่ง 
ช่วยมดได้เลือกเป็นจอหงวนจริง             ฝังงูทิ้งรับเกียรติเป็นเสนาฯ
มาดหวังแผ่เนื้อนาบุญพึงใช้ใจ               ดำเนินในอรรถคุณทุกขณะ
สร้างปวงคุณธรรมแฝงไม่ลดละ               สร้างประโยชน์สู่ชีวิตสัตว์และคน
บำเพ็ญทั้งความดีวาสนา                      เที่ยงธรรมพากล่อมเกลาแทนฟ้าสรวง
เพื่อบ้านเมืองเมตตาช่วยชนทั้งปวง          ใจทุกห้วงเสมอภาคทุกผู้คน
แผ่จิตใจของตนให้กว้างใหญ่                 ภัคดีนายกตัญญูบุพการี
สัตย์จริงมิตรรู้จักเคารพพี่                      ทั้งสามีภรรยารู้คู่ปรองดอง
ต้องรู้จักอบรมบุตรและหลาน                  ต่ออาจารย์ไม่ลบหลู่ดูแคลนหนา
ไม่ดูหมิ่นวจนะอริยา                            รู้บูชาสักการะปวงเทพไท
อีกทั้งต้องสวดมนต์และไหว้พระ              ตอบแทนจตุรคุณให้ถ้วนถี่
หมั่นปฏิบัติไตรศาสน์ให้จงดี                   พูดธรรมกล่อมคนที่ดื้อเพทุบาย
อรรถาธรรมคัมภีร์มาปลุกตื่น                   ช่วยพลิกฟื้นคืนสติผู้หลงเขลา
ยามช่วยเหลือผู้เดือดร้อนรีบบรรเทา          ดั่งช่วยเอาปลาออกจากรอยเกวียน
ช่วยคนรีบดั่งช่วยนกจากตาข่าย               ทั้งสงสารผู้เป็นม่ายและกำพร้า
ต้องเคารพอาวุโสผู้ชรา                         เวทนาและสงสารผู้ยากจน
ผลักดันเลือกคนดีมีสามารถ                    หากผิดพลาดตำหนิตนอภัยเขา
คนผ่านทางหิวหนาวเข้าบรรเทา               ช่วยเหลือเขาด้วยอาหารและอาภรณ์
บริจาคโลงมิให้ศพอุจาด                        สร้างที่จัดสงเคราะห์แผ่คุณหนุน 
เปิดโรงเรียนการกุศลช่วยเกื้อกูล              หากมั่งมีพึงค้ำจุนญาติของตน
ปีใดเกิดภัยแล้งคนแร้นแค้น                   เจือจานแบ่งมิตรเพื่อนบ้านอุปถัมภ์
ตาชั่งต้องเที่ยงตรงยุติธรรม                   เข้าไม่ล้ำออกไม่ผ่อนจึงเที่ยงตรง
ต้องใจกว้างต่อข้าทาสบริวาร                  ตำหนิกันเรียกร้องเกินไหนเลยได้
รู้พิมพ์สร้างพระธรรมคัมภีร์ไว้                  รู้จักไปบูรณะสร้างวัดวา
บริจาคยาจุนเจียผู้เจ็บป่วย                     แบ่งปันน้ำช่วยเหลือผู้กระหาย
ค่ำเปิดไฟให้คนผ่านสัญจรกราย               สร้างเรือให้ผู้คนข้ามแม่น้ำกัน
ทั้งซื้อสัตว์ปลดปล่อยเพื่อชีวี                   ถือศีลดีกินเจเว้นการฆ่า
เดินระวังมดแมลงทุกเวลา                      ดับไฟป่าทั้งไม่เผาไม่ทำลาย
ยามขึ้นเขาไม่จับนกด้วยตาข่าย                ลงน้ำไม่วางยาฆ่ากุ้งปลาหนา
ไม่ฆ่าวัวฆ่าควายช่วยทำนา                     อักขรารักษาไม่ทิ้งทำลาย
ไม่วางแผนชิงทรัพย์ของผู้ใด                   หากมีใครเก่งสามารถไม่อิจฉา
ลูกเมียเขาไม่ล่วงเกินขืนกายา                 ไม่นำพายุยงคนฟ้องร้องกัน
เกียรติชื่อเสียงของผู้อื่นไม่ย่ำยี                 ไม่ทำลายชีวีคู่ของผู้อื่นขา
ไม่ยุพี่น้องแตกเพราะแค้นของเรา              อย่าแตกพ่อลูกเขาเอื้อประโยชน์ตน   
ไม่ใช้อำนาจรังแกคนดี                           ไม่อาศัยความมั่งมีแกล้งคนไร้
รักษ์บทบาทหน้าที่อ่อนน้อมใจ                  รักษ์กฏหมายระเบียบปฏิบัติตาม
พึงปรองดองในเผ่าพันธ์ตน                       ทั้งผ่อนปรนความคับแค้นให้สลาย
ใกล้คนดีเสริมคุณธรรมใจและกาย              หลีกห่างไกลคนชั่วพ้นภัยคุกคาม   
ไม่ประกาศความผิดของผู้อื่น                    พึงชื่นชมสรรเสริญความดีเขา
อันปากอย่างใจอย่างอย่าริเอา                   คำใดกล่าวประเสริฐแท้จงจดจำ
เว้นจากการพูดผิดจริยา                           ตัดขวากหนามที่มาขวางทางให้
เก็บเศษหินกระเบื้องตามทางทิ้งไป             ซ่อมถนนอันตรายหลายร้อยปี
สร้างสะพานคนพันหมื่นผ่านไปมา               ฝากวาจาที่กล่อมเกลาคนอื่นไว้
ปันเงินช่วยคนสมหวังสิ่งดีได้                     ปฏิบัติไปตามครรลองของฟ้าแล
กล่างวาจาตามจิตแท้ของผู้คน                   ยลกำแพงชามข้าวยังเห็นอริยา
ยามลำพังสำรวมแม้ใต้ห่มผ้า                     ไม่กระทำความชั่วช้าทั้งสิ้นปวง
ยึดปฏิบัติความดีทุกที่อย่าง                       ภัยร้ายไม่เยื้องย่างกรายกล้ำหา
อีกรับการคุ้มครองจากเทวา                       ผลนั้นหนาตอบสนองให้แก่ตน
ผลบุญไกลสนองแก่ลูกหลาน                     ร้อยวาสนาเพ่นทะยานดุจม้าแล่น
พันมงคลดุจหมู่เมฆเข้าแห่แหน                   ไยมิใช่คุณธรรมแฝงสร้างเกิดเอย     
หัวข้อ: Re: คัมภีร์สามอริยา : ถอดความคัมภีร์คุณธรรมแฝง พระอริยเจ้าเหวินชังตี้จวิน
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 11/10/2010, 03:28

       พระอริยเจ้าเหวินชังตี้จวินตรัสไว้ว่า ท่านเกิดมาทั้งสิ้นสิบเจ็ดชาติ ด้วยเพราะโชคดีรู้จักสั่งสมคุณธรรมแฝงจึงได้รับตำแหน่งเป็นขุนนางทุกชาติเรื่อยมา ท่านนั้นรักประชาชนเหมือนดังบุตรตนในขณะที่ดำรงตำแหน่ง ก็ไม่เคยที่จะปกครองด้วยความโหดร้ายทารุณหากประชาชนที่อยู่ในเขตปกครองเดือดร้อน หรือมีภัย ( อุทกภัย อัคคีภัย ถูกให้ร้าย ลงทัณฑ์ โจรขโมย อาวุธ อดอยาก โรคภัย )เมื่อท่านได้รู้ก็จะหาทางไปช่วยเหลือทันที
      อีกทั้ง ยังคอยเวทนาสงสารเด็กกำพร้าที่ต้องสูญเสียบุพการี โดยจะช่วยดูแลคุ้มครองให้ปลอดภัย ผู้ที่ทำผิดพลาดใด ๆ ก็จะคอยให้อภัยเสมอ อีกทั้งปฏิบัติคุณธรรมแฝงอย่างกว้่างขวาง จนทราบซึ้งถึงฟ้าเบื้องบน ผู้ใดสามารถดำรงจิตใจเช่นนี้ได้ ฟ้าย่อมประทานบุญวาสนาให้ การได้รับบุญวาสนานั้นไม่ยากแต่การดำรงจิตใจเช่นนี้ต่างหากที่ไม่ง่ายเลย ด้วยเกรงว่าผู้คนทั้งหลายจะไม่รู้ว่าจะดำรงจิตใจเช่นนี้ได้อย่างไร ท่านจึงได้ตรัสสอนเป็นโอวาทไว้แก่ผู้คน
     อวี๋กงเป็นขุนนางที่มีหน้าที่คุมคุก ในยามที่ดำรงตำแหน่งเขาไม่เคยใส่ร้ายกลั่นแกล้งประชาชนเลย อยู่มาวันหนึ่งประตูบ้านของเขาเสีย ชาวบ้านจึงมาช่วยกันซ่อมประตูให้  อวี๋กงจึงบอกกับพวกชาวบ้านว่า ขอให้สร้างประตูให้ใหญ่กว่าเิดิม ใหญ่ขนาดที่รถเทียมม้าสี่ตัวจะสามารถผ่านได้ เพราะในอนาคตลูกหลานของเขาจะต้องได้เป็นขุนนางที่มีตำแหน่งสูงแน่นอน เพราะในสมัยนั้นขุนนางที่มีตำแหน่งสูงเท่านั้นจึงจะสามารถนั่งรถเทียมม้าสี่ตัวได้  ต่อมาภายหลังลูกของเขาก็ได้เป็นอัครมหาเสนาบดี หลานได้เป็นอำมาตย์ ตรงกับที่เขาเคยกล่าวไว้จริง ๆ มี่เป็นวาสนาที่ได้รับจากการสั่งสมคุณธรรมแฝงในยามที่ดำรงตำแหน่งนั่นเอง
    โต้วอวี่จวินเป็นคนร่ำรวยแต่มีจิตใจไม่ดี ชอบโกงตาชั่ง หลอกลวงผู้คน กลั่นแกล้งผู้ยากไร้ เอาแต่ใจตัวเอง จึงทำให้แม้อายุล่วงเลยมาถึงสามสิบแล้วเขาก็ยังไม่มีบุตรสืบสกุล และจะอายุสั้น ดังนั้นจึงสำนึกผิดและแก้ไข สั่งสมคุณธรรมแฝงช่วยเหลือผู้คนเมื่อโต้วอวี่จวินตื่นขึ้นมาก็ได้ปฏิบัติตามที่บิดาสอนในฝัน คือ คอยสงเคราะห์ผู้ยากไร้ ช่วยเหลือผู้ไม่มีเงินจะแต่งงานหรือทำศพอีกทั้งได้สร้างโรงเรียนและจ้างครูมาสอนหนังสือให้คนที่ไม่มีโอกาสเรียน ทำการช่วยเหลือผู้คนมากมาย จนกระทั่งวันหนึ่ง บิดาของเขาก็มาเข้าฝันอีกแต่ครั้งนี้กล่าวกับเขาว่า วันนี้เจ้าสร้างความดีมากมาย จนชื่อเสียงก้องไปถึงฟ้า ภายหน้าเจ้าจะมีบุตรห้าคน และทุกคนจะได้เป็นขุนนาง อีกทั้งจะยืดอายุขัยของเจ้าไปถึงแปดสิบเก้าปี ต่อมาภายหลังเขาก็มีบุตรห้าคนจริง ๆ และทุกคนนั้นต่างเป็นบุตรกตัญญู มีความปรองดอง อยู่ในโอวาท และประสพความสำเร็จกันถ้วนหน้า
    สมัยก่อนมีพี่น้องสองคน คนพี่ชื่อ ซ่งเจียว คนน้องชื่อซ่งฉี ที่หน้าประตูบ้านของพวกเขามีรังมดอยู่ จนวันหนึ่งเกิดพายุฝนตกหนัก มดเหล่านั้นหนีขึ้นไปบนกำแพงจนเต็มไปหมด ซ่งเจียวจึงเอากิ่งไผ่มาทำเป็นสะพานช่วยให้มดข้ามไปยังที่ปลอดภัย ต่อมาในภายหลังพวกเขาเดินทางไปสอบจอหงวน เมื่อผลการสอบออกมา ปรากฏว่าซ่งฉีผู้เป็นน้องสอบได้ที่หนึ่ง ซ่งเจียวผู้เป็นพี่สอบได้ที่สอง แต่เมื่อไทเฮาได้ทราบเรื่องก็กล่าวว่าน้องไม่ควรอยู่สูงกว่าพี่ ดังนั้นจึงเปลี่ยนให้ซ่งเจียวเป็นที่หนึ่งแทน นี่เป็นผลบุญจากการที่เขาได้เคยช่วยมดนั่นเอง
หัวข้อ: Re: คัมภีร์สามอริยา : ถอดความคัมภีร์คุณธรรมแฝง พระอริยเจ้าเหวินชังตี้จวิน
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 11/10/2010, 08:50

      ในรัฐฉุ่มีคนชื่อ ซุนสูเอ๋า วันหนึ่งเขาไปพบงูสองหัวเข้า ในสมัยก่อนเชื่อกันว่าใครก็ตามที่พบงูสองหัว คน ๆ นั้นจะต้องตายซุนสูเอ๋า กลัวว่าคนอื่นจะไปพบงูเข้าแล้วจะต้องตาย เขาจึงฆ่างูตัวนั้นแล้วนำไปฝัง จากนั้นก็กลับไปร้องไห้ที่บ้าน เพราะคิดว่าตนเองจะต้องเสียชีวิต เมื่อแม่ของเขามาเห็นเข้าก็บอกว่า ลูกไม่ตายหรอกเพราะลูกเป็นคนดี ช่วยเหลือคนอื่น ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้น และในภายหลังเขาก็ได้เป็นอัครเสนาบดีของรัฐฉู่  บุญทั้งหลายเปรียบเหมือนนาสามารถปลูกและได้รับผลนั้น เนื้อนาบุญต้องปลูกที่ใจ ดังนั้นหากต้องการปลูกสร้างเนื้อนาบุญก็สมควรจะสร้างจากใจดวงนี้
      ปฏิบัติสร้างคุณประโยชน์แก่ผู้อื่นทุก ๆ ขณะ อย่างไม่ละเลย ซึ่งในบางครั้งอาจจะไม่ต้องใ้ช้เงิน หรือลงแรงอะไรมากมายเลย บ่มเพาะคุณธรรมของตน โดยไม่เที่ยวประกาศให้ผู้อื่นรู้ สร้างประโยชน์สุขแก่ชาวโลกโดยไม่ต้องให้ใครเห็น เช่นนี้จึงเรียกว่าคุณธรรมแฝง  สร้างประโยชน์แก่สรรพสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นผู้คน สัตว์ และพืชทั้งหลาย สร้างบุญวาสนา สร้างคุณความดีด้วยการรักษาคุณสัมพันธ์ทั้งห้า  คุณธรรมสามัญห้า  และคุณธรรมแปด
     ประกาศธรรมแทนฟ้า กล่อมเกลาผู้คนด้วยความเที่ยงธรรม เพราะฟ้านั้นไม่สามารถพูดหรืออบรมกล่อมเกลาผู้คนได้ จึงต้องอาศัยคนมากล่าวแทน แต่ผู้ที่จะทำเช่นนี้ได้ ตนเองนั้นจะต้องมีความเที่ยงธรรมเสียก่อน อาศัยความดีความเมตตา ทำเพื่อประเทศชาติ ให้ความช่วยเหลือประชาชน การช่วยเหลือประชาชนนั้นมีบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ แต่ต้องมาจากความเมตตาที่ดีงาม ทั้งยังต้องดำรงใจฟ้าที่มีแต่ความเสมอภาค จึงจะสามารถปฏิบัติต่อคนทุกคนได้ด้วยความยุติธรรม อาศัยจิตใจที่กว้างขวาง ไม่คับแคบในการปฏิบัติตนต่อผู้อื่น เพราะมีเพียงแต่จิตใจเช่นนี้ จึงจะสามารถรองรับสรรพชีวิตอันมากมายได้
     จงรักภัคดีต่อประเทศชาติ พระมหากษัตริย์ ซื่อสัตย์ต่อเจ้านาย ต่อภาระหน้าที่ที่ตนรับผิดชอบ และยังต้องภัคดีต่อจิตสำนึกของตนเอง อีกทั้งต้องกตัญญูต่อบิดามารดา พี่น้องต้องรักใคร่ปรองดอง น้องต้องเคารพพี่ ระหว่างเพื่อนต้องมีสัจจะ ไม่กลั่นแกล้งข่มเหงซึ่งกันและกัน สามีภรรยาต้องปรองดองครอบครัวจึงจะสมานฉันท์ ใช้หลักธรรมคุณความดีในการสั่งสอนลูกหลาน ต้องรู้จักเลือกเฟ้น ไม่สอนในสิ่งที่ไม่ควร เช่นนี้จึงจะสามารถเชิดชูบรรพชนปกแผ่ถึงลูกหลานได้
      ไม่ดูหมิ่นคำสอนของพระอริยเจ้า รวมถึงคำสั่งสอนของบรรพชน หากไม่เคารพคำสั่งสอนของบรรพชนแล้ว ก็เท่ากับไม่เคารพพระอริยเจ้าเช่นกัน  สักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หมั่นกราบไหว้สวดมนต์ อ่านพระธรรมคัมภีร์ ตอบแทนในพระคุณทั้งสี่ อันประกอบด้วย พระคุณฟ้า  พระคุณดิน  พระคุณพระมหากษัตริย์  พระคุณบุพการี  มนุษย์อยู่บนโลกมีใครบ้างไม่ได้รับพระคุณทั้งสี่นี้ ดังนั้นจึงต้องกตัญญูอย่างถึงที่สุด จึงจะเรียกว่าได้ตอบแทนบ้าง
      ปฏิบัติ และเผยแผ่คำสอนในศาสนาพุทธ ศาสนาเต๋า และศาสนาปราชญ์  แม้คนดื้อรั้นเจ้าเล่ห์เพทุบาย ก็อย่าได้ทอดทิ้งเขา ต้องหมั่นพูดหลักธรรมให้ฟัง เพื่อกล่อมเกลาแปรเปลี่ยนนิสัยของเขา  ต่อผู้คนที่ลุ่มหลงโง่เขลาจะต้องสงสารเห็นใจ และหมั่นอธิบายพระธรรมคัมภีร์เพื่อกล่อมเกลาให้รู้ตื่น
      ช่วยเหลือผู้คนที่เดือดร้อนเร่งด่วนเหมือนกับช่วยปลาที่กระเสือกกระสนอยู่ในน้ำที่ขังในรอยล้อเกวียน เพราะยามที่ปลาติดอยู่ในน้ำขังที่ใกล้จะแห้งเหือดนั้น มันย่อมทรมานและหวังที่จะไปอยู่ในน้ำปกติโดยเร็ว ดังนั้นการช่วยเหลือผู้เดือดร้อนจะชักช้าไม่ได้แม้แต่น้อย ส่วนการช่วยเหลือผู้ที่ตกอยู่ในอันตรายก็ต้องเร่งด่วน เหมือนดั่งช่วยนกที่ติดตาข่าย คนที่ตกอยู่ในอันตรายก็ย่อมต้องการให้คนไปช่วยเหลือ ดังนั้นจึงอย่าได้บ่ายเบี่ยง
      พึงเวทนาสงสารเด็กกำพร้า ช่วยดูแลกล่อมเกลา เป็นที่พึ่งให้เขาได้เติบโต จนสามารถยืนหยัดได้ด้วยตนเอง อีกทั้งคอยเห็นใจและช่วยเหลือหญิงม่าย ให้เขาสามารถรักษาเกียรติของผู้หญิงที่ควรมีสามีเดียวได้
      ยามพบผู้ชราต้องให้ความเคารพ เมื่อพบเจอผู้ยากไร้ก็เห็นใจสงสาร คอยค้ดเลือกส่งเสริมให้คนดีมีความสามารถได้รับโอกาส เพราะคนดีมีความสามารถย่อมเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม  ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยจิตใจอันกว้างขวาง สิ่งใดที่ผู้อื่นทำผิดพลาดต้องรู้จักให้อภัย แต่กับตนเองต้องรู้จักเข้มงวด หากทำอะไรผิดไปต้องรู้จักตำหนิตนเองให้มาก
หัวข้อ: Re: คัมภีร์สามอริยา : ถอดความคัมภีร์คุณธรรมแฝง พระอริยเจ้าเหวินชังตี้จวิน
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 11/10/2010, 10:09

      บริจาคอาหาร เสื้อผ้า ให้แก่ผู้เดินทางผ่านไปมา เพื่อบรรเทาความหิวและความหนาว บริจาคโรงศพเพื่อให้ผู้ตายได้รับการฝังอย่าทิ้งศพให้พบเห็นเป็นที่อุจาดตา สร้างสถานสงเคราะห์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า  สถานสงเคราะห์คนชรา  สถานสงเคราะห์คนพิการ อีกทั้งดูแลเอาใจใส่ด้วยความรักความเมตตา สร้างสถานศึกษา  เชิญครูอาจารย์มาสอนหนังสือโดยไม่ก็บค่าเล่าเรียนเพื่อให้ผู้ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาสได้รับการศึกษา
     หากครอบครัวมีฐานะ ก็ควรจะช่วยเหลือเจือจานญาติพี่น้องที่ยากจนลำบากกว่า ปีใดที่มีภัยแล้งก็ควรช่วยเหลือจุนเจือเพื่อนบ้านและมิตรสหาย  ต้องไม่โกงตาชั่ง ควรตั้งเข็มให้ตรงเวลาซื้อของเข้าไม่จงใจผ่อนตาชั่งให้ตนเองได้ของมากขึ้น เวลาขายออกไปก็ไม่ถ่วงตาชั่งให้คนซื้อได้ของน้อยลง ต่อคนรับใช้จะต้องใจกว้างรู้จักให้อภัย ไม่สมควรที่จะตำหนิรุนแรง หรือเรียกร้องมากจนเกินไปอีกทั้งจัดพิมพ์และสร้างหนังสือธรรมะแจกจ่ายให้กับผู้คน สร้างและบูรณะซ่อมแซมโบสถ์ ศาลา วัดวาอารามทั้งหลาย บริจาคยาช่วยเหลือให้แก่ผู้เจ็บป่วยที่ยากไร้ แบ่งปันน้ำให้แก่ผู้หิวกระหายที่ผ่านทาง ยามค่ำคืนเปิดไฟส่องทางให้แก่ผู้คนที่ผ่านไปมา เช่น กลางคืนเปิดไฟหน้าบ้านให้สว่างไว้ เพียงแค่นี้ก็สามารถเอื้อประโยชน์แก่ผู้คนได้มากมาย สร้างเรือช่วยพาคนข้ามแม่น้ำ ซื้อสัตว์นำมาปล่อย ทั้งไม่โลภในการกินเนื้อสัตว์ ถือศีลกินเจเว้นจากการฆ่า ยามก้าวเดินต้องคอยมองอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้เหยียบมด แมลงหรือสัตว์เล็ก ๆ ที่อยู่ตามพื้น
     คอยช่วยดับไฟ และไม่เผาป่า เพื่อมิให้สัตว์ทั้งหลายในป่าต้องตายไปด้วย ยามขึ้นเขาเข้าป่าไม่กางตาข่ายดักนก ยามไปแม่น้ำไปทะเลก็ไม่ทำร้าย วางยา ใช้ไฟฟ้าช๊อตปลา กุ้ง หรือสัตว์น้ำให้ต้องตาย ไม่ฆ่าวัวควายที่ช่วยทำไร่ไถนา เพราะวัวควายเป็นสัตว์ที่มีพระคุณต่อเรา ไม่ทิ้งขว้าง ไม่เหยียบย่ำตัวหนังสือ ไม่ว่าจะเป็นบนกระดาษ หรือบนสิ่งอื่น เพราะตัวหนังสือมีประโยชน์และมีคุณต่อเราจึงควรให้ความเคารพ
     ไม่โลภ คิดวางแผนแย่งชิงทรัพย์สินเงินทองของผู้คน ไม่ริษยาในความสามารถของผู้อื่น ไม่ล่วงเกินลูกภรรยาใคร ไม่ยุยงส่งเสริมให้คนฟ้องร้องหรือมีคดีความต่าง ๆ  ไม่ทำลายชื่อเสียงและเกียรติของผู้อื่นให้เสื่อมเสีย การรักษาเกียรติ คือการรักษาสิ่งอันควรให้คงอยู่ตลอดไป เช่น บุตรกตัญญู ขุนนางจงรักภัคดี สตรีม่ายไม่มีคู่ครองใหม่ แม้มีผู้จะมาข่มเหงขืนใจก็ยอมตาย ไม่ยอมให้มาทำลายเกียรติ ไม่ทำลายชีวิตสมรสของผู้อื่น เพราะการที่คู้สามีภรรยาได้แต่งงานอยู่ร่วมกันเป็นบุญปัจจัยของทั้งสองฝ่าย ดังนั้นอย่าได้แอบขัดขวางทำลายให้เขาแตกแยกกัน
       ไม่ทำให้พี่น้องเขาแตกแยกกัน เพราะความแค้นส่วนตัวของเรา อีกทั้งไม่ทำให้พ่อลูกเสียความรักใคร่ปรองดองเพียงเพื่อให้เราได้รับผลประโยชน์ ไม่ใช้อิทธิพล หรืออำนาจ มาข่มเหงกลั่นแกล้งคนดีให้เดือดร้อน ไม่ใช้ความมั่งมีมารังแกผู้ที่ลำบากยากไร้ ปฏิบัติตามหน้าที่บทบาทของตน ด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน รักษาและปฏิบัติตามกฏหมายและกฏระเบียบต่าง ๆ อยู่ร่วมกับญาติมิตร และคนในเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ด้วยความปรองดอง คลี่คลายและปล่อยวางความแค้นที่มีต่อกัน หมั่นใกล้ชิดคนดีมีคุณธรรมอีกทั้งเจริญรอยตามเพื่อช่วยยกระดับคุณธรรมทางกายและใจของเรา เมื่อพบผู้มีคุณธรรมก็อาจจะถือเขาเป็นอาจารย์หรือคบเป็นเพื่อนเพื่อให้เขาได้เป็นกระจกส่องให้เราได้ปฏิบัติตาม  ดังนั้นจึงยิ่งไม่ควรดูแคลนคนดีผู้มีคุณธรรมทั้งหลายโดยเด็ดขาด
         การหลีกห่างจากคนชั่ว ก็ถือว่าหลีดห่างจากภัยที่จะมาสู่ตัว เมื่อพบคนไม่ดีก็ต้องค่อย ๆ หลบหลีกห่างออกไปอย่างเงียบ ๆ หรือลาจากอย่างมีมารยาท หรือคบกันแค่่เพียงผิวเผิน
        ไม่ประกาศเรื่องไม่ดีของคนอื่น รู้สรรเสริญในความดีของเขา ไม่ปากอย่างใจอย่าง สัตบุรุษที่แท้จริงปากย่อมตรงกับใจ ผู้ที่ปากไม่ตรงกับใจ เรียกว่า คนถ่อย จดจำคำพูด คติ คำสอนที่ดีมีประโยชน์เอาไว้อย่าได้ลืมเลือน เว้นจากการพูดในสิ่งที่ผิดต่อจริยธรรม ซึ่งคำพูดเหล่านี้มักจะหลุดออกมาได้ง่าย โดยเฉพาะในยามที่อยู่กับบุคคลหรืออยู่ในสถานที่ที่ไม่เหมาะสม
        ช่วยตัดสุมทุมพุ่มไม้ขวากหนาม  ที่ยื่นขวางออกมาตามทาง เก็บหินกระเบื้อง หรือเศษกระจกบนถนนหนทาง เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อผู้คนที่สัญจรไปมา หากมีถนนที่ชำรุด หรือเป็นอันตรายแล้วไม่มีคนสร้างหรือซ่อมแซมมานาน เราก็อาจจะออกทุนทรัพย์เองหรือช่วยกันเรื่อไรจากคนอื่นมาช่วยกันสร้าง หรือซ่อมแซมถนนนั้น ๆ  อีกทั้งสร้าง หรือซ่อมแซมสะพานที่ผู้คนมากมายต้องใช้ผ่านสัญจรไปมาอยู่เสมอ
        หลงเหลือคำพูดที่ดีที่สามารถกล่อมเกลา และแปรเปลี่ยนคนที่มีนิสัยความประพฤติไม่ดีให้ซาบซึ้งได้ บริจาคทรัพย์ส่งเสริมผู้อื่นให้ทำความดี หากผู้ใดมีความตั้งใจที่ดีต้องการจะทำในสิ่งที่ดีแต่เขาขาดทุนทรัพย์ ก็อาจจะบริจาคเงินเพื่อส่งเสริมเขาให้มีโอกาสได้ทำความดีดั่งที่ตั้งใจ
       ปฏิบัติตามหลักครรลองแห่งฟ้า คนนั้นเปรียบเหมือนฟ้า หากทำสิ่งใดที่ละอายแก่ใจ ก็เท่ากับผิดต่อหลักครรลองของฟ้า การพูดจาต้องสอดคล้องต่อกัลยาณจิตของผู้อื่น
      ระลึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และพระอริยปราชญ์อยู่ในทุก ๆ ที่ อย่างเช่นทานข้าวก็เห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ในชาม แม้ยามมองกำแพงก็ยังเห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนกำแพง ในยามที่อยู่ลำพังเพียงคนเดียว หรือแม่อยู่ใต้ผ้าห่ม ก็ยังคงต้องสำรวมระวังเหมือนมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์กำลังมองอยู่เสมอ ไม่ควรทำผิดบาปเลวร้ายใดใดไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ก็ตาม
      สิ่งไม่ดีใด ๆ ที่เคยทำก็ต้องตัดใจแก้ไข ส่วนสิ่งไม่ดีทั้งหลายที่ไม่เคยทำก็อย่าได้ไปทำ ยึดถือปฏิบัติในคุณงามความดีทั้งปวง ความดีใดที่เคยทำก็ให้ยึดถือรักษาไว้ ความดีใดที่ยังไม่เคยทำก็เพียรพยายามไปปฏิบัติต่อไป
      หากทำได้ดังนี้ เภทภัยทั้งหลายก็จะไม่กล้ำกรายสู่ตัว ทั้งยังมีเทพเทวาทั้งหลายคอยปกปักคุ้มครองอยู่เสมอ ผลบุญตอบแทนระยะใกล้ในปัจจุบัน ก็จะเกิดขึ้นกับตัวเรา ระยะไกลในอนาคต ลาภยศทั้งปวงก็จะตอบแทนสู่ลูกหลาน วาสนามงคลทั้งหลายจะประดังเข้าหาอย่างรวดเร็ว ดั่งรถม้าพวยพุ่ง ดุจเมฆลอยหา ทั้งหมดนี้ล้วนเกิดจากการสร้างสมคุณธรรมแฝงทั้งสิ้น
หัวข้อ: Re: คัมภีร์สามอริยา : มโนภักดิ์ทิพยญาณสืบชั่วกาล องค์อริยเทวราชกวน
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 12/10/2010, 11:06

      เทพเจ้ากวนอู  ฉายา อวิ๋นฉาง ( ฉายาเดิม ฉางเซิง ) เป็นคนเซี่ยโจว (ปัจจุบันอยู้ในเมืองเซี่ยโจว มณฑลซันซี) ประสูติ ในยุคตงฮั่น วันที่ 24 เดือน 6 ตามปีจันทรคติ (ค.ศ.160)
      เทพเจ้ากวนอู เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับการบูชาจากทั้งสามศาสนา  ศาสนาปราชญ์เทิดทูนท่านเป็นอริยราชเหวินเหิง หนึ่งในห้าผู้ดูแลตำหนักสวรรค์เหวินชัง และมีอีกพระนามหนึ่งว่า "" กวนซีฟูจื่อ ""  ศาสนาเต๋าเิทิดทูนท่านเป็นเทพมหาราชเสียเทียน หรือในอีกพระนามหนึ่งว่า "" อี้ฮั่นเทียนจุน "" ด้วยพระองค์เคยแสดงทิพยญาณที่วัดอวี้เฉวียน (วัดธารหยก) ในทางพุทธศาสนาจึงได้ยกย่องพระองค์ท่านเป็น ""พระบรรพพุทธะไก้เทียน "" พระนามองค์อริยเทวราชกวน นั้น มาจากในสมัยราชวงศ์หมิง (ปี ค.ศ.1614) ด้วยได้ทรงแสดงฤทธานุภาพสยบหมู่มารในวังหลวง จึงได้รับการขนานนามว่า     "" เอกองค์อริยาเดชาไพศาล มหาราชสยบหมู่มารทั่วทั้งไตรภูมิ ""
     ด้วยโลกมนุษย์นั้น เสมือนเวทีแห่งการทดสอบคุณธรรม พระองค์ได้บำเพ็ญถึงพร้อมซึ่งคุณธรรมทั้งแปด ผ่านการยั่วยวน และการทดสอบเคี่ยวกรำนานัปการ จึงได้รับการเคารพสรรเสริญสักการะจากชาวโลกตราบชั่วกาลนาน
             กตัญญู - เคารพเชื่อฟังบุพการี
     เมื่อท่านอายุได้ 17 ปี (ในปีค.ศ.176) ได้แต่งกับสตรีตระกูลหู มีบุตร 3 คน คนโต กวนผิง  คนรอง กวนซิง  คนเล็ก กวนสั่ว เมื่อถึงครั้งที่จางเจี่ยวและโจรโพกผ้าเหลือง ได้ออกมาก่อความวุ่นวาย ท่านนั้นเห็นว่า ขุนนางโฉดชั่วนั้นดังฝูงผึ้งแตกรัง จึงได้ขออนุญาตจากบิดามารดาเพื่อไปสมัครเป็นทหาร ตอบแทนคุณของชาติบ้านเมือง
             ภราดรธรรม - พี่น้องปรองดอง
     เมื่ออายุได้ 25 ปี ท่านได้ให้สัตย์สาบานในสวนท้อ เป็นพี่น้องกับ หลิวเป้ย (เล่าปี่) และ จางเฟย (เตียวหุย) โดยสาบานจะขอทดแทนคุณแผ่นดิน เพื่อยังความผาสุกแก่ประชาราษฏร์ แม้ไม่ได้เกิดวัน เดือน ปี เดียวกัน ก็ขอตายในวัน เดือน ปี เดียวกัน
     ด้วยมีผลงานในการปราบโจรโพกผ้าเหลือง หลิวเป้ยจึงได้รับตำแหน่งเป็นนายอำเภออันสี่ เมื่อรับตำแหน่ง สามพี่น้องยังทานอาหราโต๊ะเดียวกัน นอนเตียงเดียวกัน ในยามที่หลิวเป้ยนั่งคุยกับคนอื่นนั้น เทพเจ้ากวนอูกับท่านจางเฟยจะคอยยืนอารักขาอยู่ตลอดโดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยเลย
             จริยธรรม - รักษาเกียรติ สันติ
     เมื่ออายุได้ 41 ปี (ปีค.ศ. 200) ท่านได้ทำศึกกับเฉาเชา (โจโฉ) ที่เซี่ยงผี และถูกเฉาเชาล้อมไว้ แต่เพื่อปกป้องพี่สะใภ้ทั้งสอง จึงยอมพักอยู่ในค่ายของเฉาเชาชั่วคราว โดยท่านได้เชิญให้พี่สะใภ้พักด้านใน และตัวท่านนั้นอยู่ด้านนอก เฉาเชานั้นต้องการจะทำลายให้เกิดความเสื่อมเสีย ผิดจริยธรรมระหว่างกษัตริย์กับขุนนาง จึงได้ให้จางเหลียวลดขนาดของเทียนที่ใช้ในห้องยามค่ำคืน เทพเจ้ากวนอูเมื่อพบเข้า จึงได้ทุบกำแพงออกมาอาศัยแสงจันทร์นั่งอ่านคัมภีร์ชุนชิวนอกห้องแทน สิ่งนี้ยิ่งทำให้เฉาเชาบังเกิดความเลื่อมใสในตัวท่านยิ่งนัก
             มโนธรรม - เที่ยงตรงเหมาะสม
     ขณะที่ เทพเจ้ากวนอูต้องพักอาศัยอยู่กับเฉาเชาเป็นการชั่วคราว ท่านได้แสดงจุดยืนว่าท่านนั้นเป็นขุนนางของราชวงศ์ฮั่นม่ใช่ขุนนางของเฉาเชา โดยเป็นขุนนางภักดีที่ไม่มีเจ้านายสองคน และเมื่อใดที่ได้ข่าวพี่ชาย แม้อยู่ไกลพันลี้ก็จะขอทะยานไปหา แสดงให้เห็นว่าไม่เคยลืมนายเดิม อีกทั้งยังเป็นการไปมาอย่างเปิดเผยชัดเจน ในระหว่างนั้นได้มีเรื่องราวที่แสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์ของมโนธรรมน้ำใจของท่าน เช่น การใส่ชุดเกราะเก่า มอบม้าชื่อทู่ (ม้าเซ็กเธาว์) การประทานเงินทองตราตั้งเป็นต้น ในยามที่เทพเจ้ากวนอูฝ่าห้าด่าน ฆ่าหกแม่ทัพ การเดินทางตามหาพี่ชาย จนสุดท้ายได้พบกับท่านจางเฟย และได้ถูกจางเฟยกล่าวตำหนิว่า ลูกผู้ชายแม้ตายไม่ยอมสยบ ผู้ภักดีไม่มีสองนาย เทพเจ้ากวนอูได้พยายามอธิบาย แต่ท่านจางเฟยก็ไม่เชื่อ ดังนั้นเมื่อพบไช่หยาง ขุนนางของเฉาเชาที่มาร้องท้า เทพเจ้ากวนอูจึงได้ฆ่าไช่หยาง เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ  จากนั้นสามพี่น้องก็ได้กลับมาอยู่ร่วมกันด้วยดีอีกครั้ง
            สุจริต - มั่นคงรักษาเกียรติ
      เมื่อท่านอายุได้ 51 ปี (ปีค.ศ.210) เทพเจ้ากวนอูบุกฉางชา ต่อกรกับแม่ทัพเฒ่า ฮวั๋งจง (ฮองตง)ม้าของฮวั๋งจงเกิดสะดุดล้มลงกับพื้น เทพเจ้ากวนอูก็มิได้ทำการฉวยโอกาส แต่กลับตวาดให้กลับไปเปลี่ยนม้า เพื่อมาวัดผลแพ้ชนะกันใหม่ เรียกว่า ยากที่จะหาวีรบุรุษในอดีตมาเปรียบเทียบกับท่านได้ เมื่อเว่ยเอี๋ยนฆ่าหันเสวียนเจ้าเมืองฉางซา เปิดประตูเมืองออกมาสวามิภักดิ์ เทพเจ้ากวนอูก็ได้นำพาท่านหลิวเป้ยไปเยี่ยมพบฮวั๋งจงด้วยตนเอง จนกระทั่งในที่สุดฮวั๋งจงก็ยอมสวามิภักดิ์ต่อหลิวเป้ย
            สัจจะ - จริงใจไม่หลอกลวง
      เมื่อท่านอายุได้ 55 ปี (ปีค.ศ.214) ซุนเฉวียน (ซุนกวน) ต้องการทวงจิงโจว (เก็งจิ๋ว) จูเก๋อจิ่น (จูกัดจิ๋น) ได้ถือตราสาสน์จากหลิวเป้ยมา มีคำสั่งว่า หลังจากที่ท่านกวนอูได้อ่านจดหมายแล้วให้คืนเมืองฉางซา หลิงหลิง กุ้ยหยางสามหัวเมือง เทพเจ้ากวนอูอาศัยเหตุผลที่ว่า "เมื่อแม่ทัพอยู่เบื้องนอก ไม่จำเป็นต้องรับคำสั่ง" ให้การปฏิเสธจูเก๋อจิ๋นไป จากนั้นซุนเฉวียนจึงได้ส่งหลู่ซู่ (โลซก) จัดงานเลี้ยงที่ศาลาหลิงเจียงหน้าปากทางค่าย ได้เชิญเทพเจ้ากวนอูไปอีกทั้งได้ซุ่มกำลังพลพร้อมอาวุธไว้ เทพเจ้ากวนอูแม้ทราบว่ามีอันตรายอยู่รอบด้าน ก็ยังแต่งกายเรียบร้อย ถือง้าวเข้าไปในงานเลี้ยง ภายหลังเทพเจ้ากวนอูได้แกล้งเมาสุรา มือขวาสะบัดง้าว มือซ้ายคว้าตัวหลู่ซู่ แล้วเดินทางกลับไปขึ้นเรือ รอดกลับออกมาได้อย่างปลอดภัย ทำให้แผนการของซุนเฉวียนนั้นไม่ประสบความสำเร็จ
             ละอายต่อบาป - กล้าหาญอับอายในความชั่ว
      เมื่อท่านอายุ 60 ปี (ปีค.ศ.219) เทพเจ้ากวนอูได้นำทัพเข้าตีเมืองฝาน เฉาเหริน (โจหยิน) แม่ทัพฝ่ายเฉาเชา ได้เตรียมมือธนูที่ซุ่มไว้ 500 คนรุมยิง เทพเจ้ากวนอูที่มีเกราะป้องกันหัวใจติดตัวก็รีบเร่งชักม้ากลับค่าย ถูกธนูยิงเข้าที่ไหล่ขวา จนตกม้าท่านกวนผิงบุตรชายก็ได้บุกฝ่าเข้าไปเพื่อช่วยเทพเจ้ากวนอูกลับค่าย เมื่อท่านดึงธนูออกจากไหล่แล้วจึงพบว่าธนูนั้นอาบยาพิษและพิษก็ได้ซึมลึกเข้ากระดูก ในครั้งนั้น เมื่อแพทย์ชื่อดังนามฮัวโต๋ได้ทราบว่ามีวีรชนที่ถูกธนูพิษ จึงได้เดินทางมาทำการรักษาให้ด้วยตนเอง ในขณะที่ทำการขูดกระดูกเพื่อรักษาพิษ เทพเจ้ากวนอูยังสามารถดื่มสุรา เดินหมาก พูดคุยได้อย่างปกติ เป็นความกล้าหาญจนได้รับการนับถือจากผู้คนในรุ่นหลังยิ่งนัก
             จงรักภักดี - กระทำอย่างสุดใจ
      เทพเจ้ากวนอูพยายามฟื้นฟูราชวงศ์ฮั่น ช่วยเหลือตระกูลเล่าเป็นขุนนางภักดีไม่มีนายคนที่สอง ครั้งที่ต้องหลบไปเมืองไม่ (ปัจจุบันอยู่ในมณฑลเหอเป่ย อำเภอตังหยาง) จนในที่สุดก็ถูกทหารที่ดักซุ่มของหลวี่เหมิงจับกุมตัวได้ ซุนเฉวียนพยายามขอให้ท่านยอมศิโรราบ เทพเจ้ากวนอูกับท่านกวนผิง ก็ยังยืนยันอย่างเด็ดเดี่ยวว่า "หยกนั้นอาจแหลกสลายแต่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงความบริสุทธิ์ ไผ่ยอมถูกเผาทำลายแต่ไม่อาจทำลายเกียรติได้" ท่านนั้นเห็นความตายดุจการกลับคืนสู่มาตุภูมิ ดังนั้น จึงได้สิ้นชีพที่หลินจวี่ (ปัจจุบันอยู่ในมณฑลหูเป่ย อำเภอเยวี่ยนอัน) มีสิริอายุทั้งสิ้น 60 ปี
      ชั่วชีวิตของท่านเปิดเผยเที่ยงตรง รุกถอยอย่างเหมาะสม อีกทั้งมีจิตใจที่ละเอียดรอบคอบ เอาใจใส่ถึงหลักการและจิตใจของผู้คน ในยุคสมัยที่สังคมนั้นมีแต่ความสับสนไม่ชัดเจน ก็ยังสามารถมีมโนธรรมอันยิ่งใหญ่ ยิ่งเป็นสิ่งอันควรค่าแก่การเจริญรอยตาม
หัวข้อ: Re: คัมภีร์สามอริยา : บทสวด กวนเซิ่งตี้จวินเจวี๋ยซื่อเจินจิง คัมภีร์ปลุกชาวโลก
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 13/10/2010, 11:32

                      บทสวด กวน เซิ่ง ตี้ จวิน เจวี๋ย ซื่อ เจิน จิง  (คัมภีร์ปลุกชาวโลก เทพเจ้ากวนอู)

ตี้ จวิน เยวีย :

เหริน เซิง ไจ้ ซื่อ    กุ้ย จิ้น จง เซี่ยว เจี๋ย อี้ จือ ซื่อ
ฟัง อวี๋ เหริน เต้า อู๋ คุ่ย      เข่อ ลี่ อวี๋ เทียน ตี้ จือ เจียน
รั่ว ปู๋ จิ้น จง เซี่ยว เจี๋ย อี้    เติ่ง ซื่อ เซิน ซุย ไจ้ ซื่อ
ฉี ซิน อี่ สื่อ              ซื่อ เว่ย โทว เซิง
ฝัน เหริน ซิน จี๋ เสิน     เสิน จี๋ ซิน
อู๋ คุ่ย ซิน        อู๋ คุ่ย เสิน
รั่ว ซื่อ ชี ซิน       เปี้ยน ซื่อ ชี เสิน
กู้ จวิน จื่อ ซัน เว่ย ซื่อ จือ    อี่ เซิ่น ฉี ตู๋
อู้ เว่ย อั้น ซื่อ เข่อ ชี      อู โล่ว เข่อ คุ่ย       
อี๋ ต้ง อี๋ จิ้ง          เสิน หมิง เจี้ยน ฉา
สือ มู่ สือ โส่ว      หลี่ สั่ว ปี้ จื้อ
ควั่ง เป้า อิ้ง เจา เจา      ปู้ สวั่ง หาว ฝ่า
อิ๋น เหวย วั่น เอ้อ โส่ว    เซี่ยว เหวย ไป่ สิง เอวี๋ยน
ตั้น โหย่ว นี่ หลี่ อวี๋ ซิน โหย่ว คุ่ย เจอะ
อู้ เว่ย โหย่ว ลี่ เอ๋อ สิง จือ        ฝัน โหย่ว เหอ หลี่
อวี๋ ซิน อู๋ คุ่ย เจอะ      อู้ เว่ย อู๋         ลี่ เอ๋อ ปู้ สิง
รั่ว ฟู่ อู๋ (ตี้)  เจี้ยว               ฉิ่ง  ซื่อ อู๋  (ตี้)  เตา                                             
จิ้ง เทียน ตี้       หลี่ เสิน หมิง         เฟิ่ง จู่ เซียน
เซี่ยว ซวง ชิน    โส่ว หวัง ฝ่า           จ้ง ซือ จุน 
อ้าย ซยง ตี้       ซิ่น เผิง โหย่ว        มู่ จง  จู๋
เหอ เซียง หลิน   จิ้ง ฟู ฟู่               เจี้ยว จื่อ ซุน
สือ สิง ฟัง เปี้ยน        กวั่ง จี อิน กง
จิ้ว นั่น จี้ จี๋               ซวี่ กู เหลียน ผิน
ชวั่ง ซิว เมี่ยว อวี่        อิ้น เจ้า จิง เหวิน
เส่อ เย่า ซือ ฉา         เจี้ยว ซา ฟั่ง เซิง
เจ้า เฉียว ซิว ลู่          จิน กว่า ป๋า คุ่น
จ้ง ซู่ สี ฝู                 ไผ หนัน เจี่ย เฟิน
เจวียน จือ เฉิง เหม่ย     ฉุย ซวิ่น เจี้ยว เหริน
เอวียน โฉว เจี่ย ซื่อ      โต่ว เชิ่ง กง ผิง
ชิน จิ้น โหย่ว เต๋อ         เยวี่ยน ปี้ ซยง เหริน
อิ่น เอ้อ หยาง ซ่าน       ลี่ อู้ จิ้ว หมิน
หุย ซิน เซี่ยง เต้า         ไก่ กั้ว จื้อ ซิน
หมั่น เชียง เหริน ฉือ      เอ้อ เนี่ยน ปู้ ฉุน
อี๋ เชี่ย ซ่าน ซื่อ            ซิ่น ซิน เฟิ่ง สิง
เหริน ซุย ปู๋ เจี้ยน          เสิน อี่ เจ่า เหวิน
เจีย ฝู เจิง โซ่ว             เทียน จื่อ อี้ ซุน
ไจ เซียว ปิ้ง เจี่ยน         ฮ้่ว ฮวั่น ปู้ ชิน
เหริน อู้ เสียน หนิง         จี๋ ซิง เจ้า หลิน
รั่ว ฉุน เอ้อ ซิน              ปู้ สิง ซ่าน ซื่อ
อิ๋น เหริน ชี หนวี่            พั่ว เหริน ฮุน อิน
ไฮว่ เหริน หมิง เจี๋ย         ตู้ เหริน จี้ เหนิง
โหมว เหริน ไฉ ฉ่าน        ซัว เหริน เจิง ซ่ง
สุ่น เหริน ลี่ จี่                เฝย เจีย รุ่น เซิน
เฮิ่น เทียน เอวี้ยน ตี้        ม่า อวี่ เฮอ เฟิง
ปั้ง เซิ่ง หุ่ย เสียน           เมี่ย เซี่ยง ชี เสิน
ไจ่ ซา หนิว เฉวี่ยน         ฮุ่ย นี่ จื้อ  จื่อ
ซื่อ วื่อ หรู่ ซ่าน             อี่ ฟู่ ยา ผิน
หลี่ เหริน กู่ โร่ว             เจี้ยน เหริน ซยง  ตี้
ปู๋ ซิ่น เจิ้ง เต้า               เจียน เต้า เสีย อิ๋น
ฮ่าว ชั่ง เซอ จ้า             ปู๋ จ้ง เจี่ยน ฉิน
ชิง ชี่ อู่ กู่                    ปู๋  เป้า  โหย่ว  เอิน
หมัน  ซิน  เม่ย  จี่          ต้า  โต่ว  เสี่ยว  เชิ่ง
เจี่ย  ลี่  เสีย  เจี้ยว         อิ่น โย่ว  อวี๋  เหริน
กุ่ย  ซัว  เซิง  เทียน        เลี่ยน  อู้  สิง  อิ๋น
หมิง  หมัน  อั้น  เพี้ยน     เหิง  เอี๋ยน  ชวี  อวี่
ไป๋  รื้อ  โจ้ว  จู่              เป้ย  ตี้  โหมว  ไฮ่
ปู้  ฉุน  เทียน  หลี่          ปู๋  ซุ่น  เหริน  ซิน 
ปู๋  ซิ่น  เป้า  อิ้ง             อิ่น  เหริน  จั้ว  เอ้อ
ปู้  ซิว  เพี้ยน  ซ่าน         สิง  จู  เอ้อ  ซื่อ
กวน  ฉือ  โข่ว  เสอ         สุ่ย  หั่ว  เต้า  เจ๋ย
เอ้อ  ตู๋  เวิน  อี้               เซิง  ไป้  ฉ่าน  ฉุ่น
ซา  เซิน  หวัง  เจีย          หนัน  เต้า  หนวี่  อิ๋น
จิ้น  เป้า  ไจ้  เซิน            เยวี่ยน  เป้า  จื่อ  ชุน
เสิน  หมิง  เจี้ยน  ฉา        หาว  ฝ่า  ปู๋  เวิ่น
ซ่าน  เอ้อ  เหลี่ยง  ถู        ฮั่ว  ฟู  โยว  เฟิน
สิง  ซ่าน  ฝู  เป้า              จั้ว  เอ้อ  ฮั่ว  หลิน
หว่อ  (ตี้)  จั้ว  ซือ  อวี่        เอวี้ยน  เหริน  เฟิ่ง  สิง
เอี๋ยน  ซุย  เฉี่ยน  จิ้น         ต้า  อี้  เซิน  ซิน
ซี่  อู่  อู๋  (ตี้)  เอี๋ยน           จั่น  โส่ว  เฟิน  สิง
โหย่ว  เหนิง  ฉือ  ซ่ง          เซียว  ซยง  จวี้  ชิ่ง
ฉิว  จื่อ  เต๋อ  จื่อ                ฉิว  โซ่ว  เต๋อ  โซ่ว
ฟู่  กุ้ย  กง  หมิง                 เจีย  เหนิง  โหย่ว  เฉิง
ฝัน  โหย่ว  สั่ว  ฉี                หรู  อี้  เอ๋อ  ฮั่ว
วั่น  ฮั่ว  เสวี่ย  เซียว             เชียน  เสียง  อวิ๋น  จี๋
จู  หรู  ฉื่อ  ฝู                      เหวย  ซ่าน  เข่อ  จื้อ 
อู๋  (ตี้)  เปิ่น  อู๋  ซือ              เหวย  โย่ว  ซ่าน  เหริน
จ้ง  ซ่าน  เฟิ่ง  สิง                 อู๋  ไต้  เจวี๋ย  จื้อ               
หัวข้อ: Re: คัมภีร์สามอริยา : คำแปลคัมภีร์ปลุกชาวโลก เทพเจ้ากวนอู
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 18/10/2010, 04:04

เทพเจ้ากวนอูทรงตรัสไว้                คุณค่าในชีวิตของมนุษย์
คือกตัญญูภัคดีถึงที่สุด                  มโนธรรมรุดรักษาเกียรติให้จงดี
ทำเช่นนี้มนุษธรรมไม่ละอาย           ยืนหยัดได้ท่ามกลางฟ้าดินนี้
หากไร้ซึ่งกตัญญญูและภัคดี            หรือไม่มีเกียรติศักดิ์ศรีมโนธรม   
เช่นนี้แม้กายอยู่แต่ใจตาย              มีชีวิตอยู่ไปอย่างไร้ค่า
ใจคือจ้าวจ้าวคือใจตระหนักพา         อย่าทำสิ่งที่ต้องมาละอายใจ
นี่จึงไม่ต้องละอายใจต่อจ้าว            หลอกใจเราเหมือนหลอกจ้าวพึงรู้ไว้
สัตบุรุษมีสี่รู้สามเกรงไซร้                พึงระวังแม้แต่ในยามลำพัง
อย่าบอกว่าอยู่ห้องมืดทำชั่วได้         ทั้งเคลื่อนไหวยามนิ่งเทพตรวจรู้แน่
สิบตาดูสิบนิ้วชี้หลักจริงแท้              กรรมส่งแน่มิผิดเพี้ยนมิพลาดเลย
กามนั้นเป็นผู้นำแห่งความชั่ว            แก่นขั้วร้อยดีคือกตัญญุตา
อย่าทำสิ่งน่าละอายผิดธรรมา           เพียงเพราะว่าได้ประโยชน์จึงไปทำ
สิ่งที่ถูกต่อธรรมนั้นไม่น่าอาย           อย่าว่าไร้ผลประโยชน์ไม่ทำหนา   
หากผิดต่อถ้อยคำสอนของข้า          จักต้องมาลองคมง้าวของข้ากัน
ต้องรู้จักเคารพดินและฟ้า                ทั้งบูชาบรรพชนเทพไทไหว้
กตัญญูต่อบุพการีไว้                      ต่อกฏหมายปฏิบัติรักษาดี
ทั้งเคารพครูบาแลอาจารย์               รักใคร่กันปรองดองทั้งน้องพี่
กับหมู่มิตรรักษาสัตย์ให้จงดี             สามัคคีวงศ์ตระกูลและเผ่าพันธุ์
กับเพื่อนบ้านรู้ปรองดองมีไมตรี         ต่อคู่ครองรู้เคารพขอบเขตรักษ์
อบรมบุตรแลหลานพึงตระหนัก          ทุกห้วงจักสร้างประโยชน์แม้ง่ายดาย
คุณธรรมแฝงหมั่นสั่งสมแลบ่มเพาะ     ทั้งสงเคราะห์คนเดือดร้อนภัยพาลผ่าน
ทั้งเห็นใจผู้กำพร้าน่าสงสาร              คนจนนั้นเวทนาแลอาดูร
บูรณะทำนุสร้างวัดอาราม                 หนังสือธรรมจัดพิมพ์สร้างเผยแผ่ให้
บริจาคยาและน้ำเจือจานไป              อีกทั้งไม่ฆ่าสัตว์รู้ปล่อยชีวี
ทั้งยังช่วยสร้างสะพานซ่อมถนน         สงเคราะห็คนเดือดร้อนเห็นใจม่าย
รักษ์วาสนาเห็นค่าข้าวเปลือกไว้         สงเคราะห์ภัยไกล่เกลี่ยพิพาทความ
สละทรัพย์ส่งเสริมเรื่องดีงาม             ถ่ายทอดคำโอวาทสอนช่วยคนได้
อันความแค้นนั้นควรไปคลี่คลาย         ตาชั่งให้บริสุทธิ์ยุติธรรม
คนที่มีคุณธรรมควรชิดใกล้               หลบลี้ไกลคนชั่วร้ายจงห่างหาย
ความผิดปิดความดีคนประกาศไป        ยังคุณให้ทุกชีวิตช่วยผู้คน
ย้อนกลับใจมาใฝ่ในธรรมะ                เปลี่ยนตนจะต้องแก้เป็นคนใหม่
เปี่ยมเมตตาไร้ห้วงคิดที่เลวร้าย          สิ่งดีให้มั่นใจน้อมประพฤติตาม
แม้คนนั้นไม่เห็นเทพสดับ                แล้วทรงปรับเพิ่มวาสนาอายุขัย
จะเพิ่มบุตรแลเพิ่มลูกหลานให้           ทั้งเจ็บป่วยเภทภัยมลายลง
เรื่องเลวร้ายทั้งปวงไม่กรายใกล้         สงบได้ทุกชีวิตไม่เดือดร้อน
ทั้งสัตว์เลี้ยงก็อยู่ได้ไม่หวั่นคลอน       ดาวมงคลสาดส่องเคลื่อนจรมา                   
หัวข้อ: Re: คัมภีร์สามอริยา : คำแปลคัมภีร์ปลุกชาวโลก เทพเจ้ากวนอู : ความชั่วอันไม่พึง
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 18/10/2010, 05:03

               คำแปล คัมภีร์ปลุกชาวโลก เทพเจ้ากวนอู ความชั่วอันไม่พึงกระทำ

หากว่ามีจิตใจที่ชั่วร้าย                  ไม่ฝักใฝ่กระทำความดีสร้าง
ลูกเมียเขาไปผิดไปล่วงกาม            ทำลายล้างชีวิตสมรสคน
หรือทำลายเกียรติความดีผู้อื่นไป       อิจฉาในความสามารถผู้อื่นเขา
วางแผนหมายทรัพย์ผู้อื่นเป็นของเรา   ยุคนเขาบาดหมางมีคดีความ
สร้างประโยชน์แก่ตนเบียดบังคน        บำรุงตนครอบครัวได้มั่งคั่ง
กล่าวโทษฟ้าโทษดินไม่รู้ยั้ง             อีกทั้งยังด่าฝนด่าโทษลม
กล่าวว่าร้ายปราชญ์เมธีอริยะ             หรือพังพระพุทธรูปหยามเทพไท
โคกระบือแลสุนัขเข่นฆ่าไซร้             เปรอะทำลายกระดาษอักษรมี
ใช้อำนาจรังแกสาธุชน                    รวยข่มคนข่มเหงผู้ยากไร้
ยุแตกแยกผู้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข        ยุแยงให้พี่น้องต้องแตกกัน
ไม่เชื่อมั่นศรัทธาสัมมาธรรม              ก่อเวรกรรมปล้นชิงแลข่มขืน
ชอบฟุ้งเฟ้อเพทุบายต่อผู้อื่น             มิหยัดยืนความประหยัดแลพากเพียร
ทิ้งขว้างซึ่งพืชพันธุ์ธัญญาหาร           พระคุณนั้นหารู้ทดแทนไม่
หลอกตัวเองอำพลางในจิตใจ            ตาชั่งไซร้ก็ใช้มาคดโกง
ริจัดตั้งมิจฉาศาสนา                       หลอกชักพายั่วยุคนหลงเขลา
ว่าพาขึ้ันชั้นฟ้าดั่งใจเฝ้า                  แล้วหลอกเอาทั้งทรัพย์และร่างกาย
หลอกและลวงทั้งที่แจ้งและที่ลับ       พูดคำหยาบบิดพลิ้วบิดเบือนหนี
กลางวันแสกสาบานเสียดิบดี            เบื้องหลังนี้กลับวางแผนทำร้ายคน
ครรลองฟ้าสูญหายไม่หลงเหลือ        ไม่เชื่อฟ้าไม่คล้อยตามใจคนคล้อง
ไม่เชื่อในกฏแห่งกรรมตามสนอง        ชักพาคนให้ต้องทำชั่วเลว

             คำแปล คัมภีร์ปลุกชาวโลก เทพเจ้ากวนอู  ผลแห่งการกระทำชั่วข้างต้น

ไม่ยอมทำความดีแม้เล็กน้อย            ความชั่วถ่อยทำได้เสียทุกอย่าง
พบเภทภัยปัญหาเรื่องคดีความ           โจรปล้นน้ำท่วมไฟไหม้เป็นภัยพาล
ต้องเจ็บป่วยโรคระบาดแลโรคร้าย        ทั้งมีลูกผลาญจัญไรแลเขลาขลาด
ตัวต้องตายครอบครัวต้องพินาศ           ชายนั้นจักเป็นโจรชั่วหญิงเริงกาม
กรรมสนองหากใกล้เกิดแก่ตน             หากไกลผลส่งไปยังลูกหลาน
เทพเทวาตรวจละเอียดมิผิดพลั้ง          ดีชั่วทั้งโชคเคราะห์แยกสองทาง
ทำความดีย่อมได้รับวาสนา                 ทำชั่วพาภัยเคราะห์มารุมหาม
ข้ากล่าวเตือนให้คนรู้น้อมทำตาม          โอวาทคำแม้ตื้นง่ายแต่เป็นคุณ
หากใครกล้าลบหลู่วาจาเรา                 ตัดหัวเอาจากตัวกายแยกขาด
หากใครอ่านสวดท่องปฏิบัติ                เคราะห์ภัยพลัดจางหายสุขทวี
หากขอลูกก็จักได้ลูกมา                    หากขออายุยืนสมประสงค์
ได้ทั้งความร่ำรวยตามจำนง                ชื่อเสียงสิ่งหวังสมฤดี
ภัยมลายมีมงคลรุมล้อมมา                 วาสนาเพราะทำดีบันดาลผล
ข้าไม่ลำเอียงรักษาสาธุชน                 ปณิธานตนไม่คร้านเปลี่ยนมุ่งความดี
หัวข้อ: Re: คัมภีร์สามอริยา : ถอดความ คัมภีร์ปลุกชาวโลก
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 18/10/2010, 09:49

        เทพเจ้ากวนอูทรงตรัสว่า คนเรามีชีวิตอยู่บนโลกนี้ ไม่ว่าชายหรือหญิง คุณค่าของชีวิตนั้นอยู่ที่การปฏิบัติที่สุดถึงความจงรักภัคดี กตัญญู รักษาเกียรติและมโนธรม ต่อพระมหากษัตริย์ เบื้องสูงต้องมีความจงรักภัคดี ต่อพ่อแม่ตน หรือพ่อแม่สามี ต้องมีความกตัญญู เลี้ยงดูให้ความเคารพ ต่อตนเองต้องรู้จักรักษาเกียรติ ต่อเพื่อนฝูงมีมโนธรมน้ำใจ อันความจงรักภัคดีกตัญญู รักษาเกียรติมีมโนธรรมนี้ หากสามารถปฏิบัติอย่างสุดกำลังกายกำลังใจ ทำให้ถึงที่สุดแล้ว จึงไม่ต้องมีสิ่งใดให้ละอายแก่ใจต่อความเป็นคน สามารถยืนอยู่ภายใต้ฟ้าดินอย่างสง่าผ่าเผย  หากรักตัวกลัวตาย มีชีวิตอยู่อย่างขอไปที โดยไม่สามารถปฏิบัติในความจงรักภัคดี กตัญญู รักษาเกียรติ มโนธรรม แม้ร่างกายจะอยู่ แต่กัลยาณจิตของเราก็ได้ตายไปนานแล้ว นี่เรียกว่า มีชีวิตอยู่ไปอย่างไร้ค่า
       ใจของคน คือ พุทธจิตธรรมญาณ คนทั่วไปเรียกว่า ดวงวิญญาณ ไม่มีเกิดไม่มีดับ เป็นนิรันดร์ และดำเนินไปตามแรงกรรม จะไปเป็นผีหรือเป็นเจ้า เป็นเซียน เป็นพุทธะ ก็ล้วนขึ้นอยู่ที่จิตนี้ ใจของคนก็คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์นี้ก็คือใจ หากไม่ทำสิ่งที่ต้องละอายใจ ไม่ทำผิดต่อจิตตน ก็ไม่ต้องละอายใจต่อจ้าว ไม่ผิดต่อสิ่งศักดฺืสิทธิ์ แต่หากหลอกลวงจิตตนแล้ว ก็เท่ากับหลอกลวงจ้าวหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน
       ฉะนั้น สามเกรง อันได้แก่ เกรงพระโองการสวรรค์  เกรงมหาบุรุษ  เกรงพระโอวาทของอริยบุคคล  สี่รู้ คือ ฟ้ารู้  ดินรู้ เธอรู้ ฉันรู้ ห้องมืดคือห้องที่มืด ที่ลับที่ไม่มีคนเห็นไม่มีคนรู้เห็น สำหรับกัลยาณชนแม้อยู่ในที่ลับตาคน ก็ยังมีใจสำนึกในสามเกรงสี่รู้อยู่เสมอสำรวมระมัดระวัง เพื่อรักษาตนในยามที่อยู่ลำพัง โดยไม่กล้าทำความชั่วที่ต้องละอายใจแม้แต่น้อย อย่าได้กล่าวว่าในที่ลับตาคน ไม่มีคนรู้เห็นแล้วจะกระทำสิ่งน่าละอายได้ เพราะการกระทำทุกอย่างของมนุษย์ ล้วนแต่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยตรวจตราอย่างละเอียด เหมือนมีสองตาคอยจ้องมอง สิบนิ้วคอยชี้  อันเป็นหลักการที่แน่นอน โดยเฉพาะการตอบสนองของกรรมดีกรรมชั่วนั้น ย่อมปรากฏชัดเจนไม่มีทางผิดพลาดแม้แต่น้อย นี่เป็นคำสอนของเทพเจ้ากวนอู  เมื่ออยู่ในสถานที่ที่ไม่มีคนเห็น ยิ่งต้องระวังความประพฤติตนเพื่อหลีกเลี่ยงเภทภัย และนำมาซึ่งบุญวาสนา
      เทพเจ้ากวนอูทรงตรัสว่า ความชั่วทั้งปวง มีกามตัณหามาเป็นอันดับแรก จึงต้องเคร่งครัดในศีลวัตร ละเว้นกามคือความดีอันยิ่งใหญ่ กตัญญูเป็นต้นกำเนิดของความดีทั้งหลาย จึงควรดำเนินปฏิบัติ การอกตัญญูเป็นความชั่วอย่างมหันต์ หากทำผิดต่อหลักแห่งฟ้าทำเรื่องที่ละอายต่อใจตน นั่นคือความชั่ว ซึ่งไม่ควรทำอย่างเด็ดขาด จะได้ไม่ต้องรับผลกรรมชั่วตอบสนอง อย่าเห็นว่าได้ผลประโยชน์ ต่อตนแล้วก็ยอมไปกระทำความชั่ว  เช่นนี้ย่อมได้รับภัยอย่างใหญ่หลวง ตรงข้ามกับความชั่วก็คือความดี สิ่งที่สอดคล้องกับหลักแห่งฟ้า ไม่ผิดต่อจิตมโนธรรมของตน ก็คือความดี ควรแก่การน้อมนำปฏิบัติ จะได้รับบุญวาสนา อย่าเห็นว่าสิ่งนี้ไม่มีผลประโยชน์ต่อตนแล้วไม่ไปทำ จะทำให้สูญเสียบุญวาสนามากมาย หากทำผิดต่อคำสอนของข้า (เทพเจ้ากวนอู) ยังกล้าไปทำความชั่ว ก็ลองมาลิ้มรสง้าวของข้าดู
      เทพเจ้ากวนอูทุ่มเทใจอธิบายวิธีการแยกแยอะดีชั่ว พร้อมทั้งใช้ง้าวมาตักเตือน ใช้ทั้งพระเดชพระคุณ เพื่อให้ทุกคนรู้จักเคารพยำเกรง เว้นจากความชั่วทั้งหลาย ไปกระทำความดีทั้งปวง
     จากนี้ จะเป็นรายละเอียดที่เทพเจ้ากวนอูสอนในหลักการทำคุณความดี  ก่อนอื่นต้องเคารพฟ้าดิน บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะฟ้าได้ปกคลุม ผืนดินนั้นรองรับ จึงมีพระคุณอันยิ่งใหญ่ จึงสมควรที่จะเคารพเทิดทูน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ดูแลตรวจสอบความดีความชั่ว ตอบสนองเภทภัยหรือวาสนา ดังนั้นเราจึงควรกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดื่มน้ำพึงระลึกถึงต้นธาร จึงควรที่จะกราบไหว้บรรพชน สำนึกในพระคุณและความเหน็ดเหนื่อยที่ให้กำเนิดเรามา จึงควรกตัญญูต่อบุพการี
      กฏหมายคือกฏของประเทศ เพื่อเป็นการรักชาติ จงรักภัคดีต่อพระมหากษัตริย์ จึงควรเคารพรักษา อาจารย์คือผู้ที่ถ่ายทอดธรรม สอนวิชาชีพให้จึงควรให้ความเคารพ พี่น้องนั้นผูกพันเหมือนแขนขา จึงควรรักเอ็นดูกัน มิตรสหายอาศัยความดีเสริมคุณธรรม จึงควรมีสัจจะแก่กัน ในตระกูลร่วมเผ่าพันธุ์เดียวกัน ก็ควรเห็นเสมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน ควรมีไมตรีที่ดีต่อกัน กับคนบ้านใกล้เรือนเคียงหรือคนท้องที่เดียวกัน ก็ควรช่วยกันเฝ้ามองช่วยเหลือ ปรองดองด้วยดี สามีภรรยาใกล้ชิดเหมือนเป็นร่างเดียวกัน จึงควรให้ความเคารพกันดุจแขกที่มาเยือน อีกทั้งรู้หน้าที่อันพึงกระทำของตน บุตรหลานคือ ผู้สืบทอดวงศ์ตระกูล จึงควรอบรมสั่งสอน  พึงหมั่นสร้างคุณงามความดีที่เป็นประโยชน์ต่อผู้คน แม้สิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่เล็กน้อยหรือง่ายดาย หมั่นสร้างคุณธรรมแฝง สร้างกุศลแบบปิดทองหลังพระ เมื่อพบเจอกับผู้คนที่ประสบกับเภทภัย จากอาวุธ อัคคีภัย อุทกภัย โจรขโมย หรือคดีความ ติดคุกติดตะราง ก็ควรที่จะช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง เห็นผู้อื่นต้องเดือดร้อน อดอยาก หนาวเหน็บ หรือเจ็บป่วย หรือมีงานแต่ง งานศพ แล้วต้องการความช่วยเหลือ ก็ช่วยตามกำลังของตน พึงมีความเวทนาอนาทรต่อเด็กกำพร้าที่ขาดพ่อหรือแม่ ต้องช่วยเลี้ยงดูให้เติบใหญ่ ได้ออกเรือนตามเวลาอันควร หรือสงสารผู้ที่มีชีวิตยากจนข้นแค้น คอยอนุเคราะห์ช่วยเหลือเพื่อให้มีข้าวกินหรือมีเสื้อผ้าสวมใส่  พึงช่วยบูรณะซ่อมแซมวัดวาอาราม บูชาพระพุทธรูป เทพเทวา พระสงฆ์ แม่ชี นักพรตผู้บำเพ็ญธรรมทั้งหลาย เพื่อเป็นการปลูกเนื้อนาบุญ อีกทั้งสร้างพระสูตร พระธรรมคำภีร์ เพื่อฉุดช่วยชีวิตจิตญาณของเวไนยสัตว์ ต้องรู้จักสละยารักษาโรค เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ทรมานต่อการเจ็บป่วย บริจาคน้ำให้กับคนที่กระหายน้ำ ละเว้นการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตทุกชนิด หากเห็นสัตว์กำลังถูกฆ่า ก็ควรช่วยซื้อชีวิตของเขาไปปล่อย เพื่อช่วยชีวิตเขา ซึ่งจะเป็นบูยกุศลอันประมาณไม่ได้ ได้รับบุญวาสนาทำให้อายุยืน  ต้องช่วยเหลือสร้างสะพาน ซ่อมแซมถนนหนทาง เพื่อให้คนเดินทางได้สะดวก เห็นใจแม่ม่ายที่ไม่มีสามี เพื่อสนับสนุนให้เขาสามารถรักษาเกียรติของตนไว้ได้ชั่วชีวิต ช่วยเหลือผู้ที่ประสบความเดือดร้อนให้ได้พบความสงบสุข ทะนุถนอมรักษาข้าวและอาหารถนอมรักษาบุญวาสนาไม่ละทิ้งอาหารง่าย ๆ ช่วยเหลือคนอื่น ให้พ้นอุปสรรคปัญหา ช่วยไกล่เกลี่ยข้อพิพาทของคนไม่ให้มีเรื่องมีราว
       ควรหมั่นบริจาคเงินทอง เพื่อส่งเสริมความดีงามของผู้อื่น ฝากโอวาทคำสอนไว้ เพื่อสอนผู้คนให้ละจากความชั่วไปปฏิบัติความดี หากมีความแค้นอันใดต่อกัน ก็ควรจะรีบแก้ไข เพื่อเปลี่ยนความแค้นเป็นบุญคุณ ตาชั่งที่ใช้ก็จะต้องซื้อขายอย่างยุติธรรมซื้อเข้าขายออกให้เท่ากัน จะต้องใกล้ชิดคนดีที่มีคุณธรรมดี เพื่อให้คนดีชักพาไปสู่ความดี อีกทั้งหลีกหนีจากคนชั่วที่ทำบาปหยาบช้า เพื่อไม่ให้คนชั่วชักพาสู่สิ่งชั่วร้าย รู้จักปิดบังความไม่ดีของคนอื่น เพื่อให้เขาได้มีโอกาสแก้ไขตัวเองให้ดีขึ้น กระทำสิ่งใดก็ควรให้เกิดคุณประโยชน์ต่อผู้อื่น เพื่อสั่งสมคุณธรรมวาสนา เป็นข้าราชการ ขุนนาง พึงปกป้องช่วยเหลือประชาชนทั้งหลายเพื่อให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข
      ขอเพียงแต่สามารถกลับตัวกลับใจ หันหน้าเข้าหาธรรม สำนึกแก้ไขความผิดในอดีต เปลี่ยนแปลงเป็นคนใหม่ ให้จิตใจมีแต่ความดีความเมตตา ไม่ให้อกุศลจิตนั้นคงอยู่ต่อไป กับความดีทั้งหลายที่ได้กล่าวมา ต่างมีความมั่นใจ และน้อมนำไปปฏิบัติอย่างสุดกำัลง ถึงแม้จะไมีมีคนเห็น แต่เทพเทวารับรู้แต่ต้น อีกทั้งคอยประทานบุญวาสนาอายุขัย มอบบุตรมอบหลานให้ ช่วบขจัดเภทภัยพาล เจ็บป่วยนั้นก็ลดน้อยถอยหาย เคราะห์ทั้งหลายก็ไม่กล้ำกรายเข้าหา ให้ทั้งคนสิ่งของต่างอยู่ดี มีเทพแห่งมงคลคอยดูแล นี่คือสิ่งที่เทพเจ้ากวนอูสอนไว้ หากใครสามารถละชั่วใฝ่ดี ก็จะสามารถได้รับบุญวาสนาเช่นนี้ หวังว่าทุกท่านจะน้อมรับไปปฏิบัติ
หัวข้อ: Re: คัมภีร์สามอริยา : ถอดความ คัมภีร์ปลุกชาวโลก : ความชั่วอันไม่พึงกระทำ
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 18/10/2010, 11:26

        จากนี้ จะเป็นส่วนรายละเอียดความชั่วทั้งหลายที่ไม่พึงกระทำ คือ มีจิตใจที่คิดชั่วไม่ทำความดี  ในความชั่วนั้นกามถือว่ามาเป็นอันดับแรก การข่มขืนลูกเมียของคนอื่น ทำลายชีวิตคู่ หรือการสมรสของเขา ทำลาบชื่อเสียง เกียรติ พรหมจรรย์ของคนอื่น เหล่านี้ล้วนเป็นความชั่วอันดับแรก ย่อมได้รับผลร้ายตอบแทน ตายไปก็ต้องตกนรก ทนทุกข์อยู่ชั่วกาลนาน ขอให้จงระวังไว้ หากอิจฉาริษยาในความสามารถของผู้อื่น คิดวางแผนครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่น ยุให้คนนั้นโต้เถียงฟ้องร้อง แล้วตนก็เป็นคนที่ได้ผลประโยชน์ ให้ร้ายคนอื่นเพื่อประโยชน์ส่วนตน หรือครอบครัวตน
       ลมฝน ภัยพิบัติ บุญวาสนา ล้วนมีเทพคอยดูแลรักษา การที่เกิดภัยทั้งหลาย หรือลมฝนไม่เป็นไปตามฤดูกาลนั้น เกิดจากกรรมชั่วทั้งหลายเป็นตัวชักพามา หากยังไม่รู้จักสำนึกแก้ไข ไม่รู้จักละชั่วใฝ่ดี อธิษฐานต่อเทพเทวา เพื่อขอให้ลดเคราะห์ภัย นำมาซึ่งบุญวาสนาให้ลมฝนนั้นตกต้องตามฤดูกาล แต่กลับกล้าไปโกรธแค้นฟ้าดิน ด่าลมโทษฝน ยิ่งเป็นการเพิ่มบาปให้แก่ตนเอง หรือหากใส่ร้าย ให้ร้ายอริยะปราชญ์เมธี หรือทำลายพระพุทธรูป เหยียดหยามสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถือเป็นบาปอันมหันต์ ย่อมได้รับผลร้ายตอบแทน  วัวควายเป็นสัตว์ที่ช่วยไถนา สุนัขคอยเฝ้ายามให้ ล้วนแต่มีคุณต่อมนุษย์ จึงไม่ควรที่จะฆ่า ทั้งการขายเพื่อเงิน หรือโลภที่จะกิน หากฆ่าสัตว์ทั้งวัว สุนัข สุกร แพะ แกะ หรือสัตว์ทั้งหลาย ย่อมต้องตกสู่อบายภูมิ ทั้งนรกภูมิ เดรัจฉานภูมิ เพื่อชดใช้กรรมจากการฆ่าและกิน
       ตัวอักษรนั้นมีพระคุณต่อมนุษย์อย่างใหญ่หลวง กระดาษที่มีตัวหนังสือแม้จะไม่ได้ใช้แล้ว ก็ควรเคารพรักษา หากนำเอาไปเช็ดสิ่งสกปรก สิ่งปฏิกูล อุจจาระปัสสาวะ บาปแห่งการไม่เคารพนั้นก็ใหญ่หลวง หรือว่าใช้อำนาจ เหยียดหยามรังแกคนดี หรืออาศัยที่ตนมั่งคั่งกลั่นแกล้งบีบคั้นคนยากไร้ บิดาบุตรนั้นเสมือนหนึ่งกระดูกกับเนื้อ พี่น้องนั้นผูกพันเสมือนแขนขา แต่กลับยุแหย่ให้แตกแยก ทำให้พ่อลูกไม่ปรองดอง พี่น้องแก่งแย่งขัดแย้ง ทำลายความสุขแห่งครอบครัวเขา
      ไม่เชื่อในหลักธรรม หรือหนทางอันเที่ยงตรง เป็นโจรปล้นชิงทรัพย์สิน หรือประพฤติผิดในกาม ก็คือ กามอันมิได้เกิดจากสามีภรรยาที่ถูกต้อง ซึ่งกามนั้นมีบาปกรรมอันหนักหนา ทำร้ายทั้งตนและผู้อื่น หรือฝักใฝ่ความฟุ้งเฟ้อ เจ้าเลห์เพทุบาย ไม่ให้ความสำคัญกับขยันหมั่นเพีัยร ประหยัดมัธยัสถ์ หรือละทิ้งพืชพันธ์ธัญญาหาร ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ หรือไม่ตอบแทนผู้มีคณ เป็นคนทรยศเนรคุณ หรือหลอกใจตัวเอง ปิดบังมโนธรรมสำนึกของตน ไปทำในสิ่งชั่วร้ายที่ผิดต่อหลักธรรมแห่งฟ้า หรือว่าแอบโกงตาชั่ง ซื้อเข้าได้มาก ขายออกได้น้อย เวลาซื้อเข้าก็ถ่วงเพื่อให้ได้มาก เวลาขายออกก็ผ่อนเพื่อให้ได้น้อย เพื่อเอาผลประโยชน์ถือว่าเป็นความผิดใหญ่หลวง
       มิจฉาศาสน์ ก็คือ ศาสนาลัทธิอันไม่เที่ยงตรง โกหกหลอกลวง หรือกระทั่งอาศัยพวกลัทธินอกรีต ในการมาตั้งเป็นศาสนา เพื่อชักชวนหลอกลวงผู้ที่โง่เขลา หรือกระทั่งไปนับถือเทิดทูน บูชาพวกศาสนามาร ที่ใช่เล่ห์โกหกหลอกลวง เช่น เมื่อไปนับถือแล้วจะสามารถขึ้นสวรรค์ได้ โดยต้องมอบทรัพย์สินเงินทอง หรือว่ายอมมีสัมพันธ์ชู้สาวด้วย ลวงในที่แจ้ง หลอกในที่ลับต่อคนที่ไม่ยอมมาเชื่อศาสนานอกรีตนี้ กลับพูดจาอันธพาล พูดจาบิดเบือน หรือข่มขู่สาปแช่ง ขอให้ภูติผีเทพเทวามาทำให้มีเคราะห์ หรือวางแผนให้ร้าย แอบให้ร้ายลับหลัง ใช้ทั้งผลประโยชน์ล่อลวง และการข่มขู่ เพื่อที่จะให้คนอื่นนั้นมานับถือให้ได้
       การกระทำที่ผิดต่อครรลองของฟ้า พูดจาไม่สอดคล้องกับใจคน ไม่เชื่อในกฏแห่งกรรมและวิบากกรรม กลับไปหลอกลวงคนเขลา ต่างเป็นความชั่วทั้งสิ้น ไม่บำเพ็ญปฏิบัติในคุณงามความดี เอาแต่กระทำบาปหยาบช้า เท่ากับเป็นเหมือนคนตาบอดจูงมือคนตาบอดชักพากันลงกองเพลิง แม้จะสามารถหลอกลวงทางการ หรือผู้คนได้ แต่ก็ยากหนีการตรวจสอบของเทพเทวาในที่สุดก็ต้องได้รับผลกรรมนั้น ๆ เช่นนี้จะยังขึ้นสวรรค์ได้อีกหรือ
       ความชั่วทั้งหลายมีแบ่งเล็กใหญ่แตกต่างกัน วิบากกรรมที่ได้ก็ย่อมมีความแตกต่าง อย่างการพบเหตุเภทภัย จากคดีความฟ้องร้อง หรือพบภัยจากอุทกภัย อัคคีภัย หรือโจรขโมย และเภทภัยทั้งหลาย หรือพบเจอกับโรคร้ายโรคระบาด หรือมีบุตรล้างผลาญหรือมีหลานที่โง่เขลา  หรือถูกคนเข่นฆ่า บ้านแตกสาแหรกขาด หรือชายเป็นโจร หญิงนั้นขายตัว กรรมสนองอย่างใกล้ก็เกิดกับตน อย่างไกลก็จะไปถึงลูกหลาน นี่คือกรรมสนองในชาตินี้ หลังจากชาตินี้ยังจะต้องตกไปเกิดในนรกภูมิ เปรตภูมิ เดรัจฉานภูมิ อันเป็นอบายภูมิโดยมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้ตรวจสอบ อาศัยกรรมชั่วที่ได้สร้างเอาไว้ ให้ไปรับวิบากตามกรรมที่สร้างอย่างไม่สับสนผิดพลาดแม้แต่น้อย นี่คือ สิ่งที่เทพเจ้ากวนอูทรงชี้แนะ หากได้กระทำความชั่วใดดังที่กล่าวมาข้างต้น หรือถูกหลอกให้คล้อยตามอย่างลุ่มหลงก็ย่อมได้รับผลกรรมเหล่านี้ จึงพึงสังวรไว้
          บทสรุป  สั่งสอนผู้คนอย่าได้กระทำชั่ว
      เทพเจ้ากวนอูทรงเมตตากรุณา  สั่งสอนผู้คนอย่าได้กระทำชั่ว และให้น้อมนำกระทำความดีทั้งปวง โดยเทพเจ้ากวนอูทรงตรัสว่า อันดี ชั่ว นั้นคือทางทั้งสอง  แบ่งแยกเคราะห์ภัย กับ วาสนา ดี หรือ ชั่ว นั้นเป็นเหตุ  เคราะห์ภัย กับ วาสนา เป็นผล ผู้กระทำความดีย่อมได้รับบุญวาสนาอายุขัยตอบแทน กระทำความชั่วย่อมพบเจอกับเคราะห์ภัยพาล การที่เรา (เทพเจ้ากวนอู) ได้กล่าวเช่นนี้ขอให้ผู้คนทั้งหลาย จงศรัทธาเชื่อมั่นและน้อมนำไปปฏิบัติ แม้จะเป็นคำพูดที่เรียบง่าย แต่กลับเป็นประโยชน์ต่อกาย ใจ เป็นอย่างยิ่ง หากผู้ใดหลอกล้อเหยียดหยามคัมภีร์นี้ โดยไม่รู้จักน้อมรับไปสวดท่องปฏิบัติก็อาจถูกตัดศรีษะ แยกกายเป็นสองท่อน เพื่อเป็นอุทาหรณ์แก่ผู้คนให้รู้จักเคารพยำเกรง และประคองปฏิบัติ เพื่อแปรเปลี่ยนจากเภทภัยเป็นวาสนา
      หากผู้ใด สามารถสวดท่องพระคัมภีร์นี้ด้วยความศรัทธาจริงใจและเชื่อมั่นน้อมรับไปปฏิบัติ ก็จะสลายเคราะห์ภัย ได้มาซึ่งความเป็นมงคลทั้งหลาย ขอบุตรก็จะได้บุตร ปรารถนาอยากอายุยืนก็จะได้อายุยืน ทั้งลาภยศสรรเสริญ ก็ย่อมสามารถสำเร็จลุล่วงได้  นอกจากนั้น สิ่งที่อธิษฐาน ก็จะสำเร็จได้ดังใจหมาย สรรพเภทภัยพาล ก็จะมลายไปดังหิมะละลาย  บรรดาความเป็นมงคลทั้งหลาย ก็จะมารวมตัวดุจหมู่เมฆ หากสามารถพิมพ์แจกพระคัมภีร์นี้ เพื่อตักเตือนกล่อมเกลาผู้คน ก็ยิ่งจะเป็นผลดียิ่ง         
หัวข้อ: Re: คัมภีร์สามอริยา : เจวี๋ย ซื่อ เจิน จิง จั้น บทสดุดีคัมภีร์ปลุกชาวโลก
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 18/10/2010, 11:46

กวน  เซิ่ง  ตี้  จวิน                    จื้อ  เซิ่ง  จื้อ  หลิง
องค์กวนอูเทวราช                      อริยญาณอันวิสุทธิ์

เซิ่ง  จิง  ชิน  เจี้ยง                   เจวี๋ย  ซื่อ  จิ้ว  หมิน
พระคัมภีร์ลงโปรดฉุด                 ปลุกชาวโลกช่วยผู้คน

ซ่าน  เอ้อ  หมิง  ซื่อ                 ฮั่ว  ฝู  โยว  เฟิน
ทั้งดีชั่วแจงแจ่มแจ้ง                  ภัยวาสนาแยกรู้ชัด

สิง  ซ่าน  ฝู  เป้า                     จั้ว  เอ้อ  ฮั่ว  หลิน
ทำดีได้ซึ่งวาสนา                      สร้างบาปมาภัยถึงตัว

จู  เอ้อ  ม่อ  จั้ว                       จ้ง  ซ่าน  เฟิ่ง  สิง
ความชั่วพึงละเว้น                      ความดีน้อมปฏิบัติ

เจีย  ฝู  เจิง  โซ่ว                     เทียน  จื่อ  อี้  ซุน
เพิ่มวาสนาอายุวัฒน์                  เพิ่มบุตรเพิ่มลูกหลาน

อิ้น  ซ่ง  ฉือ  ซ่ง                      ฮั่ว  เมี่ย  ฝู  เจิน
หากสวดท่องพิมพ์แจก               ลดภัยเพิ่มวาสนา

รั่ว  เกิ้ง  เนี่ยน  ฝอ                   จี๋  เล่อ  ถง  เซิง
ยิ่งหากเจริญตามพุทธา               สุขาวดีร่วมสถิต
หัวข้อ: Re: คัมภีร์สามอริยา : หุย เซี่ยง จี้ โศลกอุทิศส่วนกุศล
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 18/10/2010, 12:07

เอวี้ยน  อี่  ฉื่อ  กง  เต๋อ                    เซียว  ฉู  ซู่  เสี้ยน  เยี่ย
ขอหวังวอนให้ปวงกุศลนี้                    ลบล้างวิบากกรรมมลายหาย

ก้ง  เจิง  ฝู  ฮุ่ย  โซ่ว                       เอวี๋ยน  เฉิง  เซิ่ง  ซ่าน  เกิน
เพิ่มวาสนาปัญญาอายุวัฒน์ไซร้            ให้สมบูรณ์ซึ่งปวงกุศลมูล

สั่ว  โหย่ว  เตา  ปิง  เจี๋ย                   สุ่ย  หั่ว  จี๋  จี  จิ่น
ทั้งภัยจากอาวุธภัยสงคราม                  ภัยจากความอดอยากหรือน้ำไฟ

จี๋  ปิ้ง  ไจ  นั่น  เติ่ง                         ผู่  เอวี้ยน  จิ้น  เซียว  เมี่ย
แม้นภัยจากหมู่โรคร้ายใดใด                หวังจงให้สลายไปจนสิ้นเทอญ

เซียน  หวัง  เจีย  เชา  เชิง                เสี้ยน  เจวี้ยน  เสียน  คัง  เล่อ
ให้ผู้ตายจงได้ความหลุดพ้น                ลูกหลานทุกคนแข็งแรงและสุขี

เฟิง  อวี่  ฉาง  เถียว  ซุ่น                   เหริน  หมิน  ชี  อัน  หนิง
ลมฝนตกต้องตามฤดูดี                       ประชาชีไพร่ฟ้าอยู่ร่มเย็น

กั๋ว  อวิ้น  หย่ง  ชัง  หลง                   ซื่อ  เจี้ย  ผู่  เหอ  ผิง
ให้บ้านเมืองเจริญและเฟื่องฟู                โลกน่าอยู่มีแต่สันติภาพ

ฝ่า  เจี้ย  จู  จ้ง  เซิง                         ถง  เซิง  จี๋  เล่อ  กั๋ว
มวลเวไนย์ในทั่วทุกธรรมธาตุ                ร่วมอุบัติสถิตในสุขาวดี