นักธรรม
ห้องครัว นักธรรม => เคล็ด(ไม่)ลับเพื่อสุขภาพ => ข้อความที่เริ่มโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 15/07/2010, 16:28
-
:) 1. ระบบการทำงานของร่างกาย
3 ทุ่ม - 5 ทุ่ม ร่างกายคนเราสร้างภูมิป้องกันโรค ควรปิดไฟนอน ปล่อยวางเรื่องราวทุกสิ่งอย่าง
5 ทุ่ม - ตี 1 เป็นเวลาไขกระดูกสร้างเลือด
ตี 1 - ตี 3 ตับกำลังซ่อมแซม
ตี 3 - ตี 5 เป็นเวลาระบบการหายใจของคนเรา
ตี 5 - 7 โมงเช้า ลำใส้ใหญ่บีบรัดตัว เป็นเวลาทานอาหารเช้า
7 โมงเช้า - 9 โมงเช้า กระเพาะอาหารมีสมรรถภาพ
9 โมงเช้า - 11 โมงเช้า ม้ามกำลังทำงาน
:} ( 12.30 น. - บ่าย 1 จะต้องนอนพัก 30 นาที อย่าเกินเวลา มีประโยชน์เท่ากับนอนกลางคืน 8 ชั่วโมง )
บ่าย 1 - บ่าย 3 ลำใส้เล็กกำลังทำงาน
5 โมงเย็น - 1 ทุ่ม ไตกำลังทำงาน
1 ทุ่ม - 3 ทุ่ม เป็นเวลาหัวใจและระบบประสาทส่วนสมองทำงาน
:} ( 5 ทุ่ม - ตี 1 สองเวลานี้ควรนอนพัก ถึงจะไม่เวียนศรีษะ )
-
:} ตื่นนอนตอนเช้า ดื่มน้ำ1200 ซีซี ไม่ควรต่ำกว่า 3000 ซีซี อย่างน้อยต้องดื่ม 500 ซีซี (เท่ากับขวดใสเล็ก)
ในแต่ละวันน้ำที่ดื่มควรเป็นน้ำที่สะอาด มีแร่ธาตุ หลีกเลี่ยงการใช้ขวดหรือแก้วน้ำพาสติก
:} เลือดคนเราจะข้นมากที่สุดเวลา ตี 4 - 2 โมงเช้า ตื่นขึ้นมาควรดื่มน้ำให้มาก เลือดจะได้ไม่ข้นมากเกินไป
เพราะร่างกายคนเราเวลานอนจะสูญเสียน้ำ
:} ร่างกายคนเรา ตอนเช้าความดันจะขึ้นสูง ไขมันเกาะในเส้นเลือดจะหลุดมาอุดดันเส้นเลือดหัวใจ คนที่เป็น
โรคหัวใจอาการจะกำเริบ ปวดกล้ามเนื้อหัวใจ ผนังกระเพาะอาหารจะมีขนเล็กๆเต็มไปหมด ทำให้เกิดเศษอาหารติดค้าง
การดื่มน้ำมากๆ จะล้างสิ่งที่สกปรกตกค้างออกมา คนที่อาหารไม่ย่อยหรือท้องผูก ประสาทอ่อน ริดสีดวงทวาร
การดื่มน้ำจะมีผลดีต่อร่างกาย (คนที่เป็นโรคหัวใจ ตับแข็ง โรคบวมน้ำ กระเพาะปัสสาวะไม่ดี จะต้องปรึกษาแพทย์
ว่าแต่ละวันดื่มน้ำได้จำนวนเท่าไร )
:} การดื่มน้ำอัดลม กาแฟ เครื่องดื่มต่าง ๆ ที่ทำให้อ้วน จะทำให้ฟันฝุ เส้นเลือดใหญ่แข็งตัว เบื่ออาหาร
ขาดสารอาหาร ดื่มเกินปริมาณจะทำให้นอนไม่หลับ กระวนกระวาย กระดูกพรุน น้ำอัดลมเมื่อผสมกับน้ำย่อยในกระเพาะ
จะทำให้กรดในกระเพาะต่ำลง ฆ่าเชื้อโรคไม่ได้ เครื่องดื่มที่มีเกลือฟอสเฟสจะต่อต้านธาตุเหล็กในร่างกาย
ทำให้ธาตุเหล็กไม่มีคุณประโยชน์ คาฟาอีนในโค๊กมีผลเสียต่อทารกในครรภ์ ทำให้เชื้ออสุจิในชายไม่แข็งแรง
ดื่มโค๊ก 1 ขวด ทานอาหารหวานจัดเกินปริมาณ จะทำให้ระบบภูมิป้องกันโรคหยุดชะงักการทำงานชั่วขณะ
4 - 5 ชั่วโมงจึงจะกลับมาทำงานตามปกติ คนที่ชอบทานรสหวานจัด มีผลเสียต่อม้าม ทำให้เป็้นหวัดเจ็บคอได้ง่าย
นานวันเข้าจะทำให้อินชูลิน (น้ำตาล) ในเลือดสูง เซลมะเร็งเติบโต เกิดกรดในกระเพาะทำให้กระเพาะอาหารอักเสบ
เป็นแผล เส้นเลือดใหญ่แข็งตัว หลอดเลือดหัวใจตีบ เบาหวาน โรคอ้วน นิ่วในถุงน้ำดี โรคไตต่างๆ
คนที่ชอบทานเค็ม ไตจะไม่ดี ทานเผ็ดทำให้หายใจติดขัด
:} ผลไม้สดมีวิตามิน แร่ธาตุ ช่วยปรับความเป็นกรดและด่างให้สมดุล เซลมะเร็งเกิดขึ้นคือความเป็นกรดสูง
แต่ ด่าง ต่ำ ผลไม้สด ผักสด ถ้าเอาไปปั่นก็จะทำให้ดูดซึมสารอาหารได้ทันที ปั่นแล้วต้องรีบทาน มิเช่นนั้น
สารอาหารจะหมดไป
-
:} ทานผลไม้ทั้งเปลือก ปรับความเป็นกรดด่างให้สมดุล พืชผักและผลไม้นอกฤดูกาลไม่ควรทาน
เพราะมีฮอร์โมนเร่งให้โต ทานผลไม้ตามฤดูกาลบำรุงอวัยวะ ทั้ง 5
:) ฤดูใบไม้ผลิ ทานสีเขียว เช่นส้มเช้ง ผักคะน้า ถั่วฝักยาว ผักบุ้ง ฯลฯ บำรุงตับ ธาตุไม้
:) ฤดูร้อน ทานสีแดง ส้มชมพู เช่นลูกท้อ มะเขือเทศ หัวแครอทฯลฯ บำรุงหัวใจ ธาตุไฟ
:) ฤดูใบไม้ร่วง ทานสีขาว เช่นหัวผักกาดขาว กระหล่ำดอก สาลี่ เม็ดบัว ลูกเดือย รากบัว บำรุงปอด ธาตุโลหะ
:) ฤดูหนาว ทานสีเข้ม เช่นมะเขือยาวสีม่วง เผือก เห็ดหูหนู ลูกหว้า องุ่น ฯลฯ บำรุงไต ธาตุน้ำ
:) ผักผลไม้ ทานสีเหลือง เช่นฝักทอง ข้าวโพด พริกเหลือง กล้วยฯลฯ ช่วยระบบย่อยอาหาร ธาตุดิน
:} เปลือกของผลไม้ ส่วนใหญ่จะมีความเป็นด่าง เนื้อข้างในส่วนมากจะเป็นกรด ส้มเช้ง มะนาว
จะต่อต้านเซลมะเร็งในเต้านม การทานผลไม้จึงควรทานทั้งเปลือก หากทานแต่เนื้อข้างใน จะทำให้มีกรด
ในร่างกายมาก ยิ่งทานยิ่งปวดเมื่อยตามร่างกาย เปลือกเนื้อในแตงโมงสีขาวมีสารอาหารบำรุงร่างกายมาก
มีผลดีต่อหัวใจ จึงควรทานเปลือกสีขาวข้างในด้วย หรือเอาไปปั่นก็จะทำใหัรสชาดไม่ฝาด
:} กล้วย มันฝรั่ง สาลี่ แตงหวาน ฟักทอง แครอท หัวไชเท้า เปลือกจะมีความเป็นกรดมาก ร่างกายคนเรา
ต้องการทั้งกรดและด่าง ที่สมดุลกัน จึงไม่ควรปอกเปลือกออก
:}มันเทศสีเหลือง มีสารอาหารที่ร่างกายต้องการ 22 ชนิด เช่น กรดแอมมีโน แร่ธาตุ วิตามินบีรวม
เซลล์ในร่างกายเล็บ ผม ผิวหนัง อวัยวะภายในทั้ง 5 เส้นเลือด เม็ดเลือดแดง ล้วนต้องการกรดแอมมีโน
นึ่งทานทั้งเปลือก ฤดูหนาวเอาไปเผากินก็ได้
:} แอปเปิ้ล ทานวันละ 1 ลูก จะมีสุขภาพดีมีใยอาหาร วิตามินรวม ยังมีฤทธิ์ต้านทานอ๊อกไซด์
แอปเปิ้ลมีภูมืต้านทานการเกิดมะเร็งเริ่มแรก ชะลอความแก่เป็นผลไม้ทิพย์ ระวังไม่ควรซื้อผลไม้เคลือบเงา
ผักสดผลไม้ต้องล้างให้สะอาด หรือแช่ด่างทับทิม
:} คื่นไช่ มีกลิ่นที่กระตุ้นให้อยากอาหาร คื่นไช่ 100 กรัม มีโปรตีน 2.2 แคลเซียม 8.5 mg.
-
:} ทานอาหารล้างพิษ อันดับแรกทานน้ำแกงอุ่นกระเพาะก่อน 1 ถ้วย ต่อมาทานผักสด ตามด้วยผักนึ่งผักลวก
ตามด้วยมันแกว (มันเทศ) ฟักทองนึ่งทั้งเปลือก อันดับสุดท้ายจึงทานข้าวกล้องหุงผสมกับธัญพืช เช่น ถั่วเขียว
ถั่วดำ ถั่วแดง ถั่วเหลือง งา ก่อนทานอาหารทุกมื้อ 30 นาทีต้องทานผลไม้ 1 ลูก ยกเว้นมื้อเย็นงดทานนึ่งมัน ขิง
ช่วงล้างพิษควรงด น้ำมัน น้ำตาล ผงชูรส ของหวานต่าง ๆ
:} เคี้ยวข้าว 30 ครั้งต่อคำ จะทำให้ไม่อ้วน ไม่เป็นโรคอัลไซเมอร์ ในขณะเคี้ยวจะทำให้น้ำลายมีประสิทธิภาพ
สามารถฆ่าเชื้อมะเร็ง ที่จะเกิดจากอาหารที่ทานได้
:} ขับถ่ายเป็นเวลา ( ก่อน 7 โมงเช้า) อาหารเมื่อเข้าสู่ร่างกาย 12 - 18 ชั่วโมง หากไม่ขับถ่าย
ก็จะทำให้ท้องอืด ท้องผูก
:} ประโยชน์ของการทานอาหารล้างพิษ น้ำหนักตัวเบา ขับถ่ายสะดวก ฟื้นฟูสมรรถภาพของลำใส้ใหญ่
ขณะทานอาหารล้างพิษ สามารถขับถ่าย 3 เวลา / วัน
:} ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับวิตามินจากแสงแดด อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน จะต้องเดินประมาณ45 -60นาที
เท่ากับ 3 - 5 กิโลเมตร ให้หัวใจเต้นเร็ว
:} อายุ 35 ปี จะต้องเดินเท้าเปล่าเหยียบดินเหยียบหญ้า อายุ 40 ปี ทุกวันจะต้องเดิน 10000 ก้าว
เหยียบดินเหยียบหญ้า ก้อนกรวด ท่อนไม้ เดิน 15 นาที ไม่ต้องเดินเร็วเกินไป จะขจัดความตึงเครียด
ทำให้สดชื่นกระปรี้กระเปร่า ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ร่างกายแข็งแรง ชลอความแก่ จะต้องทำอย่างต่อเนื่อง
จึงจะเห็นผล พื้นดินพื้นหญ้าจะมีพลังธรรมชาติ การเดินเท้าเปล่าลดการเกิดไฟฟ้าสถิตในร่างกาย
:} ตากแดดช่วงเช้า พิษในตับ ไต ลำใส้ จะขับออกมา นอกจากพิษในปอดจะขับออกมาทางเหงื่อ
การเพิ่มออกซิเจนในร่างกาย จะทำให้เซลมะเร็งไม่เติบโต แต่ถ้าเพิ่มคาร์บอนไดออกไซด์จะเป็นการ
เลี้ยงเซลมะเร็ง ดังนั้นจะต้องจัดระบบภายในร่างกายให้ดี
:} ตอนเช้า 6 โมงเช้า - 9โมงเช้า ตากแดดรับวิตามินดี
9 โมงเช้า - 10 โมงเช้า ตากแดดรับฮอร์โมน
:} ตอนเย็น 4โมงเย็น - 5 โมงเย็น เดินเล่น ปรบมือ
การปรบมือ ในมือของคนเราเป็นศูนย์รวมเส้นประสาท การปรบมือจะกระตุ้นการหมุนเวียนโลหิต
ลมปราณ ขจัดธาตุเย็น การปรบมือให้ระยะห่างกว้างเท่าช่วงไหล่ ฝ่ามือกระทบฝ่ามือ นิ้วกระทบนิ้ว
ยิ่งเจ็บยิ่งดี เดินเท้าเปล่าเหยียบหญ้าไปด้วยจะดีที่สุด
:} จะต้องทำจิตใจให้สบาย สำนึกคุณ คิดดี พูดดี ทำดี ไม่เครียด ไม่โกรธ
ถ้าเราฟุ้งซ่านเก็บกด ทำให้เป็นมะเร็งได้
ขอบคุณคุณหมอที่ให้ข้อมูลมาในการฝึกการอบรมครั้งนั้น
ขอบคุณค่ะ