collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ข้อควรรู้และเข้าใจการกินเจอย่างถูกต้อง  (อ่าน 16919 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
 :) การกินเจ เป็นเรื่องของคนที่เชื่อบาปเชื่อบุญมากกว่าจะเห็นว่า แท้จริงแล้วการกินเจเป็นเรื่องของเหตุและผล
ที่ถูกต้องดีงาม มีคำกล่าวว่า "คนเราจะยืนได้ ขาทั้งสองต้องแข็งแรงเสียก่อน"ความหมายก็คือก่อนที่เราจะลงมือ
ปฏิบัติงานใดๆ ก็ตามจำเป็นต้องมีพื้นฐานที่มั่นคงเสียก่อน สิ่งสำคัญที่จะช่วยเหลือค้ำจุนให้เรามีรากฐานที่มั่นคงคือ
ประการที่1. คือความรู้เราต้องศึกษาหาความรู้ในเรื่องที่จะปฏิบัติให้ดีเสียก่อน โดยอาศัยอาวุโสที่ปฏิบัติกินเจก่อนเรา
               ได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่าน เมื่อรู้แล้วลงมือปฏิบัติทำทันที
ประการที่2. คือสติปัญญา เมื่อเราศึกษาเรียนรู้ในการปฏิบัติจนเข้าใจกระจ่างชัดถึงเหตุและผลอย่างรอบคอบ
              โดยถูกต้องจนเข้าใจดีแล้ว การกินเจเป็นเรื่องรู้ได้เฉพาะตน คนที่ได้ปฏิบัติแล้วเท่านั้นจึงจะประจักษ์แจ้ง
              ถึงคุณวิเศษอันล้ำเลิศได้ด้วยตนเอง
ผู้ที่มีรากบุญกุศลตั้งใจจะปฏิบัติบำเพ็ญธรรม ควรศึกษา"การกินเจ"ให้เข้าใจกระจ่างแจ้ง เมื่อใดที่ศรัทธามั่นคงดีแล้ว
จิตย่อมบังเกิดมีพลังแกร่งกล้า สามารถฝ่าฟันอุปสรรคทั้งหลาย บนเส้นทางของการบำเพ็ญ และแล้วเมื่อนั้นเราก็จะ
สามารถบรรลุสู่เป้าหมายอันสูงสุดไปได้โดยไม่ยากเลย
 :) อาหารเจ  เป็นอาหารที่ปรุงขึ้นมาจากพืชผักธรรมชาติล้วนๆ ไม่มีีเนื้อสัตว์ปะปน และที่สำคัญต้องไม่ปรุงด้วยผักฉุน
ทั้ง 5 ได้แก่ กระเทียม  หัวหอม  หลักเกียว  กุ้ยฉ่าย  ใบยาสูบ  อาหารเจมีรสชาดอร่อยกลมกล่อม ไม่มีกลิ่นเหม็นคาว
ทางการแพทย์ยืนยันว่า ไม่ว่าจะเป็นคนที่กินอาหารเนื้อหรือคนที่กินเจ ก็มีสิทธิ์เป็นโรคขาดอาหารได้เท่ากัน
 :) สาเหตุสำคัญของโรคขาดอาหารในคนทั้งสองกลุ่ม คือ การรับประทานอาหารไม่ถูกหลัก กินอาหารไม่ครบ 5 หมู่
ได้แก่ คาร์โบไฮเดรท แป้งและน้ำตาล โปรตีน ไขมัน วิตามิน และเกลือแร่ 
 :) สรุป โรคขาดอาหารไม่ได้ขึ้นอยู่กับการกินเนื้อหรือกินเจแต่ขึ้นอยู่กับนิสัยกินตามใจ เลือกกินแต่อาหารที่ตนชอบ
โดยไม่คำนึงถึงคุณประโยชน์ที่จะได้จากการรับประทานอาหารนั้นๆ การรับประทานอาหารเจ ทำให้มีโอกาสได้กินพืชผัก
ที่มีคุณประโยชน์มากมายหลายชนิด ซึ่งในระหว่างที่รับประทานอาหารเนื้อไม่เคยใส่ใจเลย

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
ประจักษ์พยานสำคัญที่บ่งชี้ให้เห็นถึงความล้ำค่าของอาหารเจก็คือ บรรดาครอบครัวของผู้ที่กินเจตั้งแต่ครั้ง
บรรพบุรุษสืบต่อกันมาหลายชั่วคนก็ยังคงมีให้เราพบเห็นอยู่จนทุกวันนี้จากคนรุ่นหนึ่งสู่คนอีกรุ่นหนึ่งต่อเนื่องกัน
หลักเกณฑ์ที่ถูกต้องดีงามและทรงคุณค่าก็ยังอยู่เป็นอมตะไม่เปลี่ยนแปลง ทุกๆคนทุกๆครอบครัวที่ทานอาหารเจ
ล้วนมีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ ปราศจากโรคร้ายแรงเบียดเบียน มีภูมิต้านทานสูง จิตใจเบิกบาน ร่าเริงสดใส
เฉลียวฉลาด ปฏิภาณไหวพริบ สติปัญญาดี  หากกินไม่ถูกต้องก็มีสิทธิ์เป็นโรคขาดอาหารได้เท่ากัน พึงตระหนัก
ไว้อยู่เสมอว่าทรัพย์สินเงินทองซื้อสุขภาพไม่ได้ สุขภาพที่ดีขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตัวของท่านเอง หัวใจของการมี
สุขภาพที่ดีคือ การกินที่ถูกต้อง เพราะอาหารที่คนเรารับประทานเข้าไปแต่ละวันมีผลต่อร่างกายและจิตใจเป็นอย่างมาก
:( ผักฉุน ทั้ง 5 ประเภท ที่ให้โทษต่ออวัยวะหลักภายในร่างกายเรา ทำงานไม่ปกติ
           1.กระเทียม (GARLIC)           ให้โทษต่อ  หัวใจ    กระทบกระเทือนต่อ    ธาตูไฟ   
           2.หัวหอม   (onIon)              ให้โทษต่อ  ไต      กระทบกระเทือนต่อ     ธาตุน้ำ
           3.หลักเกียว                        ให้โทษต่อ   ม้าม    กระทบกระเทือนต่อ     ธาตุดิน
           4.ใบยาสูบ  (TOBACCO)        ให้โทษต่อ   ปอด   กระทบกระเทือนต่อ     ธาตุไม้
           5.กุ้ยฉ่าย  (CHINESE CHIVE)  ให้โทษต่อ   ตับ    กระทบกระเทือนต่อ      ธาตุโลหะ
 :) ถั่วทั้ง 5 สี ที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายเรา
    ถั่วแดง    ถั่วดำ   ถั่วเหลือง   ถั่วเขียว   ถั่วขาว
 :) อาหารมังสวิรัติ หมายถึง อาหารที่ปราศจากเนื้อสัตว์ทุกประเภท แต่ยังใช้ผักฉุนทั้งห้าทุกประเภทมาปรุงอาหาร
 :) อาหารเจ        หมายถึง อาหารที่ปราศจากเนื้อสัตว์ทุกประเภทเช่นกัน แต่จะไม่ใช้ผักฉุนทั้งห้ามาปรุงลงใน
                                  อาหารโดยเด็ดขาด 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
 :)  คุณประโยชน์ของการรับประทานอาหารเจ
1. ร่างกายสามารถขับถ่ายของเสียออกมาได้หมด ทำให้ไม่มีสารพิษตกค้างภายใน สารอาหารที่มีคุณค่าในพืช
    ผักสดผลไม้ ช่วยให้ระบบขับถ่ายและการย่อยเป็นปกติ
2. เมื่อรับประทานอาหารเจเป็นประจำ เลือดจะถูกฟอกให้สะอาดขึ้นเรื่อยๆเซลล์ต่างๆของร่างกายเสื่อมสลายช้าลง
    ทำให้อายุยืนยาวมีผิวพรรณสดชื่นผ่องใส ร่างกายแข็งแรงมีสุขภาพดี
3. อวัยวะหลักสำคัญภายใน และอวัยวะประกอบทั้งห้าแข็งแรง ทำงานปกติสมบูรณ์มีสมรรถภาพสูง
    อวัยวะหลักทั้งห้า           ได้แก่ หัวใจ ไต ม้าม ตับ ปอด
    อวัยวะประกอบทั้งห้า       ได้แก่ ลำใสัใหญ่ ลำใส้เล็ก กระเพาะปัสสาวะ กระเพาะอาหาร  ถุงน้ำดี
4. ร่างกายสามารถต้านทานพิษต่างๆได้สูงกว่าคนปกติธรรมดา เช่น สารเคมี ยากำจัดศัตรูพืช ยาฆ่าแมลง สารดี.ดี.ที
    มลภาวะและก๊าซพิษ กัมมันตภาพรังสี สารอาหารในพืชผักช่วยให้เซลล์ต่างๆในร่างกายสามารถทนต่อการทำลาย
    จากรังสีต่างๆ
5. ผู้ที่รับประทานอาหารเจ พืชผักผลไม้เป็นประจำความเจ็บไข้ได้ป่วยมักไม่มี โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับระบบขับถ่าย
    ย่อยอาหารและทางเดินอาหาร
 :) การรับประทานอาหารเจ ให้ผลดีต่อจิตใจ ดังนี้
1. จิตใจมีความสงบ สุขุม เยือกเย็น บังเกิดเมตตาจิตอย่างเต็มเปี่ยม ฟื้นฟูพุทธจิตธรรมญาณเดิมแท้
2. หยุดก่อหนี้บาป ตัดกรรมเวรที่ผูกพันซึ่งกันและกัน
3. ทำให้มีสติมั่นคง หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด
4. ตนเอง ครอบครัว บุตรหลาน ตลอดจนถึงบริวารจะบังเกิดความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต
5. บรรดาเหล่าเทพ พรหม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงต่างสรรเสริญชื่นชมอำนวยอวยพรอารักขาคุ้มครองตลอดเวลา
6. ความสว่างสดใสจะปรากฏบนใบหน้า
7. ทำให้โลหิตในกายสะอาด ไม่เจ็บป่วยด้วยโรคภัยต่างๆได้ง่าย
8. สามารถรอดพ้นจากภัยพิบัติครั้งใหญ่ ต้านทานกัมมันตรังสีที่ร้ายแรงได้
 :) หลักธรรมในการกินเจ สำคัญ 2 ประการ คือ
1.  ดำรงชีวิตอยู่ด้วยอาหารที่ไม่เบียดเบียนผู้อื่น คือไม่เอาชีวิต เลือด เนื้อของสัตว์ทั้งหลายมาต่อเติมบำรุงเลี้ยงชีวิตตน
2.  ดำรงชีวิตอยู่ด้วยอาหารที่ไม่เบียดเบียนตนเอง คือไม่ทำลายสุขภาพตนเองให้ทรุดโทรม
 :) ถือศีลกินเจที่แท้จริง คนบำเพ็ญธรรม ถือศีลกินเจนอกจากกินของที่สะอาดแล้ว จะต้องสะอาดทั้งกาย วาจา ใจ
    ต้องฝึกฝน กาย วาจา ใจ ให้สะอาดบริสุทธิ์ตลอดเวลา
1.  ไม่ล่วงละเมิดกรรมสิทธิ์ ในทรัพย์สินของผู้อื่น
2.  ไม่แย่งของที่รักที่หวงแหนของผู้อื่น
3.  ไม่ทำผิดประเวณี ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
4.  ไม่พูดเท็จ ไม่พูดหลอกลวง ไม่พูดคำหยาบ
5.  ไม่พูดยุแหย่ให้คนทะเลาะกัน
6.  ใจต้องสะอาดบริสุทธิ์ ไม่คิดอาฆาตพยาบาท ไม่อิจฉาริษยาผู้อื่น
7.  มีความคิดเห็นแต่สิ่งที่ถูกต้องดีงาม

    
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30/08/2010, 11:29 โดย jariya1204 »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
สิ่งมีชีวิตบนโลกมี 3 ประเภท  คือ คน   สัตว์   พืช
 :) คน  ลำตัวตั้งตรง หัวยันฟ้า ขาเหยียบดิน เป็นสิ่งมีชีวิตประเสริฐสุดบนโลกมีจิตวิญญาณที่สมบูรณ์ทั้ง3ส่วน
         - จิตพุทธะ     เป็นดวงธรรมญาณ ประกอบด้วยปัญญา พรั่งพร้อมด้วยวิจารณญาณ มีเหตุมีผล และ
                           สามารถแยกแยะความดีความชั่วได้
         -จิตวิญญาณ    แห่งสัญชาตญาณ เป็นความสามารถในการเอาตัารอด รู้จักทำมาหากิน รู้รักรู้ชอบ
                             รู้จักระวังภัย
         -จิตวิญาณ       ในการเจริญเติบโต  เป็นพลังชีวิตหรือลมปารณ ซึ่งทำให้ร่างกายที่เจริญเติบโตแล้ว
                             ครบกระบวนการได้อย่างสมบูรณ์
 :) สัตว์ เรียกว่าเดรัจฉานลำตัวขวางหันหลังให้ฟ้าหน้าก้มดูดินต้องคว่ำอกขนานไปกับพื้นดินประกอบด้วย
          จิตวิญญาณ 2 ส่วน
          - มีสัญชาตญาณ   มีความยินดีในเหตุ 3 ประการคือ การเดิน การนอน การสืบพันธ์ สัตว์รู้ตัวว่าหิว
                                กลัวภัย มีความเจ็บปวด รู้จักบุญคุณและความแค้น
         -  มีจิตวิญาณ       แห่งการเจริญเติบโตตามธรรมชาติเท่านั้น จิตวิญญาณของสัตว์ไม่สมบูรณ์
                                ขาดวิจารณญาณ ไม่สามารถแบ่งแยกชั่ว - ดี ผิด - ถูก ไม่มีสติปัญญาในการคิด
                                หาเหตุผลมีชีวิตอยู่เพื่อชดใช้กรรมโดยไม่รู้เหตุผลโอกาสที่จะได้เกิดเป็นคนจึงยาก
 :) พืช  มีแต่วิญาณที่เป็นพลังชีวิต รู้จักแต่การเจริญเติบโตให้ร่มเงา ผลิดอกออกผล ไปตามธรรมชาติ ไม่มีความรู้สึก
          เจ็บปวด ไม่สุขไม่ทุกข์ ไม่เวทนา
         พืช ผัก ผลไม้ ที่คนยิ่งเด็ดยิ่งกินยิ่งแพร่พันธ์ พืชกินใบยิ่งเด็ดออก ยิ่งแตกยอดใบอ่อน
         ฟ้าดินได้สร้างพืชผักผลไม้เป็นอาหารธรรมชาติที่สะอาดและบริสุทธิ์ คนกินเจกินแต่พืช ผัก ผลไม้
         จึงเป็นการกินที่ถูกต้อง ชอบธรรมไม่เบียดเบียนทำลายล้างนับได้ว่าเป็นอาหารสำหรับผู้ปฏิบัติธรรมอย่างแท้จริง

     
                             

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
        ข้าวของข้าพเจ้า              ขาวดั่งดอกบัว
ยกขึ้นเหนือหัว                        ถวายแด่พระสงฆ์
จิตใจจำนง                             ตรงต่อพระนิพพาน
ขอให้พบดวงแก้ว                    ขอให้แคล้วบ่วงมาร
ขอให้พบพระศรีอารย์                ในอนาคตกาลเทอญ    
        อย่านอนตื่นสาย              อย่าอายทำกิน
อย่าหมิ่นเงินน้อย                     อย่าคอยวาสนา
ต้องรอบรู้ปัณหาสารพัด             ต้องรวดเร็วเร่งรัดงานทั้งหลาย
ต้องริเริ่มหลายแบบให้แยบคาย    ทุ่มใจกายสู้ชีวิตพิชิตงาน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30/08/2010, 10:31 โดย jariya1204 »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
 :) เกิดเป็นคนจึงต้องทำ     ทำไม่เป็นต้องหัดทำ
หัดเป็นแล้ว                    ต้องทำเอง
ทำไม่คล่อง                   หมั่นหัดทำ
คิดจะทำ                      ทำทันที
สมควรทำ                     รีบไปทำ
ยามจน                        ยิ่งต้องทำ
ยามรวยย้ำ                   ทำต่อไป
ทำไม่ดีรีบแก้ไข             ทำจนตายไม่ต้องทำ        

 :) การสร้างรอยยิ้มในครอบครัว
สัญญากับตัวเองไม่ทำผิดอีก
ขมกันหน่อย
ให้กำลังใจกันบ้าง
ฟังเขาพูดมากกว่าพูดให้เขาฟัง
ถามไถ่ทุกข์สุขกันบ้าง
รู้จักปฏิเสธงานสังคมบ้าง
ทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัวบ้าง
รู้จักกล่าวคำขอโทษ - ไม่เป็นไร
อดทน อดกลั้น ระงับโทษะ
ลดทิฐิ หมั่นกล่าวคำขอบคุณ  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30/08/2010, 10:37 โดย jariya1204 »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
     :) กินเจไปทำไม
กินเจนั้น          มีประโยชน์     อยู่มากมาย
ฟื้นฟูกาย         ฟื้นฟูจิต         ไร้พิษสง
สั่งให้จิต         สอนให้กาย     คลายพะวง
ไม่ลุ่มหลง       มายา             ล้อมรอบกาย
ผลพลอยได้    ทำให้กาย        นั้นผ่องใส
เหล่าโรคภัย     สารพิษ           ไม่คิดสู้
ปรับสมดุลย์     ร่างกาย            ทั้งฟื้นฟู
ใจกายอยู่       รับรู้กรรม           พร้อมทำดี
ที่สำคัญ         สอนให้จิต         นั้นคิดได้
ทำอย่างไร      ไม่ใฝ่ปอง          ของประสงค์
รู้จักให้           รู้สละ               รู้ปลดปลง
ไม่ประสงค์      ไม่ก่อเหตุ          สังเวชตน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30/08/2010, 10:08 โดย jariya1204 »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
       :)  จะเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้นได้อย่างไร? มนุษย์ที่ถูกเรียกว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ เพราะมนุษย์รู้จักถือศีล มีจิตหิริโอตตัปปะ มีสติสัมปชัญญะ มีจิตเมตตา สิ่งที่กระทำออกมาจึงรู้แยกแยะในสิ่งที่ทำกุศลธรรม "" พระพุทธองค์ทรงสอนให้เมตตาอย่าเข่นฆ่าทำลายเขาให้เศร้าหมอง เกิดเป็นสัตว์ทุกข์ชอกช้ำกรรมจำจองคนยังจ้องซ้ำเติมเขาเฝ้ารังแก""ชีวิตเรา ๆ ก็รัก ชีวิตเขา ๆ ก็รัก
      :)  การมีเมตตา คือ ปรารถนาดีต่อกัน
      :)  การมีกรุณา  คือ ปรารถนาช่วยให้เวไนย์ให้พ้นทุกข์
      :)  การมีมุทิตา  คือ ความพลอยยินดี เมื่อผู้อื่นมีความสุข
      :)  การมีอุเบกขา    ความใจเป็นกลางด้วยปัญญา ไม่ดีใจ ไม่เสียใจ
คุณธรรมทั้ง 4 ประการ นี้ ถ้ามีอยู่ในจิตใจเรา จะช่วยประสานประโยชน์แก่กันและกัน ทำให้ศีลมั่นคงไม่ขาดหาย
      :)  ถือศีลกินเจที่แท้จริง  คนที่ถือศีลกินเจบำเพ็ญธรรม ไม่ใช่เพียงแต่กินของสะอาดเท่านั้นแต่คำพูดที่พูดออกมาจากปากก็ต้อง"สะอาด"ด้วย สิ่งไม่ดีทั้งหลายไม่พูดจึงจะเรียกว่า"" ปากเจ""
     :)   ปากเจ คือปากสะอาดได้จริง ๆ ได้แก่ ไม่พูดเท็จ ไม่พูดหลอกลวง ไม่พูดยุแหย่ให้คนทะเลาะกันไม่พูดให้แตกสามัคคีกัน ไม่พูดคำที่ระคายหูผู้อื่น ไม่ใช้วาจาหยาบคาย ไม่พูดเพ้อเจ้อ เหลวไหลไร้สาระ ไม่พูดเรื่องที่ไม่จริง
    :)    กายเจ คือสิ่งไม่ดีทั้งหลายไม่ต้องทำ ได้แก่ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่เบียดเบียนสัตว์ ไม่ล่วงละเมิดกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของผู้อื่นไม่แย่งของที่ผู้อื่นรักใคร่หวงแหน ไม่ทำผิดประเวณี และที่สำคัญที่สุดคนกินเจต้อง ใจเจด้วย
    :)    ใจเจ   คือใจสะอาดบริสุทธิ์ ปราศจากมลทินใด ๆ ได้แก่ ไม่คิดโลภอยากได้ของผู้อื่น ไม่คิดอาฆาตพยาบาท อิจฉาริษยาปองร้ายผู้อื่น มีความคิดเห็นแต่ในสิ่งที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม ถือศีลกินเจที่แท้จริง ต้องฝึกฝนกาย วาจา ใจ ให้สะอาดบริสุทธิ์ตลอดเวลา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30/08/2010, 10:44 โดย jariya1204 »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
      1. เพื่อหยุดเจ้ากรรมนายเวรรายใหม่ ( ไม่เบียดเบียนชีวิตสัตว์ ) สรรพสัตว์ล้วนมีชีวิตมีจิตญาณเช่นเดียวกับมนุษย์เป็นเพราะชาติก่อนได้สร้างบาปกรรมไว้ ชาตินี้จึงต้องมาเกิดเป็นสัตว์เพื่อชดใช้กรรม แต่มิใช่เกิดมาเพื่อเป็นอาหารของมนุษย์ ดังนั้นหากเรากินเนื้อสัตว์ก็เท่าเราติดหนี้ชีวิตเขา แม้สัตว์ทั้งหลายจะต้านแรงมนุษย์ไม่ได้ ดังนั้นยิ่งเพิ่มแรงอาฆาตแค้น แล้วคอยหาโอกาศล้างแค้นอยู่เสมอ โดยทำให้เราเจ็บป่วย เกิดอุบัติเหตุ หรือเจอภัยพิบัติต่าง ๆ นี่คือสัจธรรมของกฏแห่งกรรม ดังคำกล่าวว่า""ติดหนี้ชีวิต ต้องชดใช้ด้วยชีวิต"" หากวันนี้เราเริ่มทานอาหารเจทุกมื้อตลอดไป เท่ากับเราไม่ผูกหนี้กรรมความแค้นกับสรรพสัตว์อีกต่อไป จึงเรียกได้ว่า""หยุดเจ้ากรรมนายเวรรายใหม่""แต่ในอดีตที่ผ่านมาเราเคยกินเลือดเนื้อชีวิตสัตว์ เราก็ยังมีเจ้ากรรมนายเวรในอดีตอยู่ มีเพียงหนทางเดียวก็คือ สร้างบุญกุศลชดใช้เขา จะต้องบังเกิดจิตเมตตาเริ่มจากการทานเจ จึงสมารถอุทิศบุญกุศลนี้ให้สรรพสัตว์ทั้งหลายที่อดีตเราเคยฆ่า และกินเขา ให้เขาอโหสิกรรมให้เรา ให้อภัยเรา
       2. ปลูกฝังเมตตาจิต ให้จิตญาณสว่างไสว การทานเจ เป็นการแสดงความรักอันยิ่งใหญ่ต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย เห็นทุกชีวิตเหมือนลูก เหมือนญาติ เหมือนเพื่อน  จึงไม่กล้าเบียดเบียนชีวิตสัตว์ ""สิ่งที่มีค่าที่สุดคือ ชีวิต ชีวิตใครใครก็รัก มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐจึงต้องบ่มเพาะจิตแห่งเมตตาธรรม นำความรักยิ่งใหญ่นี้แผ่ออกไปสู่พี่น้องร่วมโลกของเรา ให้สรรพชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข แต่หากเรายังฆ่ายังกินก็เท่ากับเราไม่มีเมตตา จิตญาณก็จะมัวมองไม่สว่างใส ดังนั้นเราจึงต้องมีเมตตากรุณาสัตว์ โดยการทานเจนั่นเอง
       3. เพื่อสุขภาพพลานามัยของร่างกาย (อายุยืนยาว) พืชผักเป็นด่างมีประโยชน์ต่อร่างกาย เนื้อสัตว์เป็นกรดจะทำลายร่างกาย กับข้าวที่เป็นอาหารเจทั้งหลาย ส่วนใหญ่ได้จากผักที่เจริญเติบโตจากดิน เช่น เผือก มัน ถั่วเหลือง ผลไม้ และสาหร่ายทะเล ฯลฯ ล้วนมีสารอาหารบำรุงร่างกาย อีกทั้งไม่มีพิษ  อาหารประเภทนี้สามารถทำให้กระแสเลือดคงสภาวะความเป็นด่าง (เลือดจะใส) ในทางการแพทย์เรียกว่าเป็นอาหารที่ให้ความเป็นด่าง อาหารประเภทเนื้อสัตว์ทานแล้วจะทำให้กระแสเลือดมีสภาวะเป็นกรด (เลือดจะข้นขุ่น) ดังนั้นเนื้อสัตว์จึงถูกเรียกว่า เป็นอาหารที่ให้ความเป็นกรด
        เนื้อสัตว์จะมีสารพิษตกค้างปนอยู่ เพราะตอนที่สัตว์ถูกฆ่าจะเกิดความกลัวสุดขีด จะหลั่ง""สารอะดรีนาลิน""พิษของฮอร์โมนนี้จะแพร่กระจายแทรกซึมเข้าไปในเลือดของเนื้อทุกส่วน
        ดังนั้นคนที่ทานอาหารเจ มาจากอาหารธรรมชาติ เลือดจะใส จึงหมุนเวียนได้เร็วทำให้ร่างกายสดชื่นสบายพลังเต็มเปี่ยมความคิดอ่านรวดเร็วเฉียบไว และอายุยืนยาว
      :)  งดชีวิต เลือดเนื้อ ทั้งสัตว์บก สัตว์อากาศ สัตว์น้ำ งดพืชผักฉุนเป็นพิษตกค้างในร่างกาย 5 ชนิด
      :)  อาหารเจ  ก็คือ พืช ผัก ผลไม้ ธัญพืช และถั่วต่าง ๆ งดพืชผักฉุน 5 ชนิด ละเว้นชีวิตสัตว์ เท่ากับเราไม่ผูกหนี้กรรมความแค้นกับสรรพสัตว์ จึงไม่มีหนี้ชีวิต และเป็นการให้ทานชีวิต ดังนั้นการทานอาหารเจจำต้องปฏิบัติทุกวัน""เพื่อตัดกรรมใหม่""ปลูกฝังให้เรามีเมตตาจิต และสุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
        คนทุกคนรู้ดีว่าคนตายต้องเอาไปเผาเอาไปฝังที่ป่าช้า แต่ไม่รู้ว่าเนื้อสัตว์ทุกชนิดที่ถูกฆ่าตาย ทั้งเนื้อและกระดูกที่ถูกสับเป็นชิ้น ๆให้คนแย่งกันกินลงท้องก็ฝังอยู่ในตัวเรานี่เอง คนกินเนื้อสัตว์ก็เหมือนป่าช้าเคลื่อนที่ สมารถฝังซากศพของ""สัตว์ตายโหง""อย่างไม่รู้จักเต็ม
        คนส่วนใหญ่ถ้าให้ไปเดินในป่าช้าตอนเที่ยงคืนสักหนึ่งรอบ ถ้าก้าวขาไม่ออกก็มักจะวิ่งเสียจนสะดุดขาตัวเอง แต่คนกินเนื้อกินอยู่ทุกวัน ๆ ไม่ฉุกคิดเลยว่า""ท้องของตัวเองเป็นป่าช้า"" น่าแปลกเหลือเกิน ? คิดเท่าไรก็คิดไม่ออกว่าทำไมเป็นอย่างนั้น ?
        คนมีวิญญาณ สัตว์ก็มีวิญญาณเหมือนกันจะแตกต่างกันก็แต่เฉพาะสังขาร รูปกายภายนอกเท่านั้น คนคิดว่ากลัวภูตผีปีศาจ กลัวซากศพ กลัวโน้นกลัวนี่ ก็แล้วทำไมไม่กลัวเนื้อสัตว์ ? ถ้าจะเรียกให้ถูก เนื้อสัตว์ที่ตายก็คือ ซากศพ เป็นศพหมู ศพวัว ศพควาย ศพไก่ ฯลฯ
        ตัวหนังสือ ""เนื้อ"" ในภาษาจีนแท้จริงมีอักษรคำว่า ""คน"" อยู่สองคน อยู่ในประตูหนึ่งคนอีกคนอยู่นอกประตูที่เปิดกว้่าง ในทางธรรม""ปาก"" ก็คือประตูหนึ่งของร่างกาย เป็นอวัยวะรับ - จ่าย ที่ใช้กินอาหารเข้าไป และพูดออกมา ฉะนั้นคำว่า""เนื้อ"" จึงมีความหมายว่าเป็นของที่คนหลงไม่รู้อ้าปากกินเข้าไป หารู้ไม่ว่าที่แท้คือ ""คนกินคน"" ชาตินี้กินเนื้อเขา ชาติหน้าก็ต้องถูกเขากิน
        พระพุทธวจนะในมหายานสูตรกล่าวว่า บุคคลใด งดเว้นจากการกินเลือด กินเนื้อสัตว์ทั้งปวง ย่อมกระทำมหาเมตตาบารมีให้เต็มบริบูรณ์ หากบุคคลใดยังหลง กลืนกินเนื้อสัตว์ทั้งหลายอยู่ เขาได้ชื่อว่าทำลาย""เมล็ดพันธ์แห่งพุทธะ"" ที่มีอยู่ในตนย่อมต้องได้รับ""บาปอย่างมหันต์""
        ผู้ที่บำเพ็ญธรรม หากยังไม่หยุดกินเนื้อ ก็ไม่สามารถบำเพ็ญไปได้ตลอดรอดฝั่ง
        หากไม่ศึกษาธรรมะ     
        เราจึงยังไม่ทราบความจริงแห่งชีวิต
        และก่อหนี้กรรมโดยไม่รู้ตัว
       งดฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
       เลิกกินเนื้อสัตว์เถิด
  :)  ปล่อยชีวิตสัตว์ที่จะกินเข้าไปเป็นมหากุศล

Tags: