ข้อแกร่งแรงมุ่งของผู้บำเพ็ญ
มุ่งสู่มงคลดี หลีกหนีภัยชั่วร้าย เสวยวิมุติพร้อมสุขวาสนา
เราจะพูดถึงจิตใจที่ใฝ่ "สั้นชั่วระยะ" อีกเรื่องหนึ่งคือ บำเพ็ญเพื่อ "มุ่งสู่มงคลดี หลีกหนีภัยชั่วร้าย" มันเป็นเรื่องดีเหลือเกินถ้าหาก "มุ่งสู่มงคลดี หลีกหนีภัยชั่วร้าย" ได้ การปฏิบัติบำเพ็ญจะได้มีแต่แม่ทัพนายกองที่มีแต่บุญวาสนาต่อไป ไปถึงไหนก็ไม่มีเหตุอะไรให้ห่วงใยทุกข์ร้อน ญาติธรรมก้พากันร่ำรวย คน ๆ นี้คงไม่ใช่ธรรมดา ใครก็คิดว่าเขาคงเป็นพระโพธิสัตว์มาเกิดใหม่ ราบรื่นสบายไปทุกอย่างใช่ไหม และยังอาจจะเป็นเทพเจ้าปกครองทรัพย์สมบัติมาเกิดใหม่ก็เป็นได้ "มุ่งสู่มงคลดี หลีกหนีภัยชั่วร้าย" เสวยวิมุติพร้อมสุขวาสนา" มันเป็นจิตใจที่ใฝ่ "สั้นชั่วระยะ" แล้ว "ชั่วกาลนาน" คืออะไร ชั่วกาลนานคือ "ข้อแกร่งสำแดงเมื่อเข้าตาจน...................." กับ คืนสู่รากเดิมแท้ พบพระแม่องค์ธรรม .................." สิ่งที่เราหวังวอนคือ "คืนสู่รากเดิมแท้ พบพระแม่องค์ธรรม" ไม่ใช่หวังวอน "เสวยวิมุติพร้อมสุขวาสนา" เราไม่ได้มีจิตใจอย่างนี้ อาจเป็นได้ที่ดวงชะตาชีวิตของคุณนั้นเป็นดวง "เสวยวิมุติพร้อมสุขวาสนา" แจ่ใจของคุณจะไม่อยู่บนจุดนั้น อย่างเช่นพระโพธิสัตว์ "เหวินฉือ" นักธรรมก่อนเก่าหลายท่านต่างเล่ากันว่า อันที่จริงพระโพธิสัตว์เหวินฉือ .............(ท่านหลี่เฉียนเหยิน) ไม่จำต้องทุกข์ยากลำบากอย่างนั้นเลยท่านสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายได้ เพียงแต่ท่านเอ่ยปาก ท่านก็จะเสวยสุขได้ แต่ท่านไม่เอ่ยปากเป็นอันขาด ท่านยินดีจะใช้ชีวิตลำบากยากเข็ญเช่นนั้นทุกวันไป ท่านไม่ต้องการ "เสวยวิมุติพร้อมสุขวาสนา" อย่างนี้คือ "ข้อแกร่งแรงมุ่ง" ใชไหม
ไม่สร้างบุญวาสนาเพื่อหลบจากภัยพิบัติ
ฉะนั้น ถ้ามองจากแง่มุมที่ว่าบำเพ็ญเพื่อมุ่งสู่มงคลดี หลีกหนีภัยชั่วระยะละก็ เขาจะใฝ่ใจต่อไปว่าจะสร้างบุญกุศลเพื่อหลบหลีกจากพิบัติภัย เคราะห์ภัยจะมาแล้ว รีบสร้างบุญกุศลเถอะ จิตใจที่สร้างบุญกุศลอย่างนี้เป็นจิตใจอย่างไร เป็นจิตใจ "ทำมาค้าขาย" (ลงทุนแล้วได้กำไร) อันที่สองคือ คาดคะเนความเป็นไปของกาลเวลา ฟ้ากำหนด ที่ผ่านมาคาดว่าปี ๕.ศ. 1999 เป็นปีอันตรายมากนะ พวกเธอรีบสร้างบุญกุศลโดยเร็วเถอะ รีบฉุดช่วยนำพาคนให้มารับธรรมะ การสร้างบุญกุศล กับ การฉุดช่วยคนให้ได้มารับธรรมะนั้น อันที่จริงเป็นเรื่องที่ควรจะต้องทำอยู่แล้ว แต่เราจะไปเจาะจงกำหนดเวลา บอกว่าถ้าม่ายอย่างนั้น อาจถึงที่สิ้นสุด จบกัน ถ้าญาติธรรมป็นคนใฝ่ใจทำบุญกุศลเพื่อหลบจากภัยพิบัติ ก็จะไม่ใช่จิตเมตตากรุณา ไม่เหมือนกันนะ แตกต่างกันมากเลย ระหว่างฉุดช่วยนำพาคนด้วยจิตเมตตา กับจิตที่เห็นแก่ตัว ทำเพื่อตัวเอง
ข้อแกร่งสำแดงเมื่อเข้าตาจน
เมื่อสักครู่ เราได้พูดถึงท่านเซิ่งเฉียนเหยิน ท่านสามารถจะอยู่สบายโดยไม่มีเรื่องได้ แต่เพื่อจะช่วยชีวิตญาติธรรม ท่านส่งตัวเองกลับไปตาย อย่างนั้นเรียกว่า "หวังให้กรุณาธรรม ได้แก่นกรุณาธรรม" ท่านจะช่วยชีวิตญาติธรรม นั่นคือ "ข้อแกร่งสำแดงเมื่อเข้าตาจน" ที่ท่านเดินหนทางนี้ วันข้างหน้าเราก็อาจจะต้องได้พบทางนี้ เพราะสถานการณ์ภายหน้าจะเป็นอย่างไรเราก็ไม่รู้ สมัยนี้ ดูเหมือนจะต้องไม่ใช้ลูกกระสุน ใช้ดอลล่าร์ก็โค่นเขาได้แล้ว ฉะนั้นจึงไม่รู้ว่าภายหน้า สักวันหนึ่งเราจะต้องเผชิญกับมัน ซึ่งตอนนั้นเรา "เข้าตาจน" แต่เราอาจไม่ได้ "สำแดงข้อแกร่ง" ก็เป็นได้ นี่เป็นปัญหาอันหนึ่ง
วันนี้ เราพูดถึงข้อแกร่งแรงมุ่ง เราจะสามารถเห็นข้อแกร่งได้หรือไม่ การกระทำด้วยข้อแกร่งอันสูงส่งงดงามนั้น (เจี๋ยเชา .......) ไม่ใช่เรื่องของอารมณ์สะเทือนใจผลักดันให้เป็นไป เอาละ ไม่เป็นไร ฉันจะไปตาย มันไม่ใช่อย่างนี้ ถึงเวลาจริง อยู่ในสถานการณ์ เธอก็เข่าอ่อนเสียแล้ว ที่พูดนี้หมายถึงธาตุแท้ที่มีอยู่ซึ่งได้อุ้มชูให้คงไว้เสมอ ความคิดจิตใจของท่านเซิ่งเฉียนเหยิน ไม่เคยไปจากเหลาหมู่ทุกขณะเวลา ฉะนั้น ท่านจึงพูดว่า "ตัดหัว ยิงเป้า เกษียณแล้วกลับบ้าน" สำหรับท่านมันเป็นไปอย่างธรรมชาติที่สุด ฉะนั้น ถ้าเมื่อเป็นสั้นชั่วระยะ เช่น เกียรติยศ อัปยศ ในโลกนี้ก็จะไม่สำคัญ เธอจะยกย่องหรือดูถูกก็ไม่สำคัญ คนดูถูกแต่ฟ้าเบื้องบนยกย่องก็ใช้ได้แล้ว ทัศนคตินี้เป็นไปได้ไม่ง่าย เพราะเธอยังมีชีวิตอยู่ คนมากมายจะกระทบกระเทียบเสียดแทงเธอ "ทำงานธรรมอย่างไรกัน ไม่มีมาตรฐานถึงอย่างนี้" "ไม่เป็นไร เธอดูถูกไม่เป็นไร เหลาหมู่ไม่ได้ดูถูกก็แล้วกัน" ไม่ง่ายที่จะคิดอย่างนี้ได้ เหมือนเราที่พูดถึงท่านเซิ่งเฉียนเหยิน ท่านคือผู้ที่มีจิตใจเป็นอย่างนี้