collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ธรรมธาดาคู่โลกา : ปฏิปทาองค์สมเด็จพระกตธิการบรมอริยธรรมราชเจ้าผู้เฒ่าน้ำใส  (อ่าน 28431 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม

          คำนำ

       รพินทรนาถ  ฐากูล นักกวีผู้ยิ่งใหญ่แห่งอินเดีย ได้กล่าวไว้ว่า "" ให้ยามตายได้มีกิตติศัพท์อันยืนยง แต่ตอนอยู่ต้องมีความรักอันยั่งยืน "" และในโลกใบนี้ ก็ได้มีบุคคลท่านหนึ่งที่ได้อุทิศเสียสละเวลาเกือบทั้งชีวิตให้แก่มวลเวไนยสัตว์โดยมิได้สงวนไว้ และมิได้ตัดพ้อท้อถอยเลยแม้แต่น้อย โดยในช่วงธารเวลา้เกือบจะ ๖๐ ปี ของท่านผู้นี้ ก็ได้อุทิศทุ่มเทอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ปฏิบัติภาระกิจอย่างเงียบ ๆ มิเปิดเผย ตราบจนวินาทีสุดท้าย และหมดสิ้นทุกหยาดแรงกาย...
       ท่านได้อุบัติขึ้นบนโลกในปีค.ศ.๑๙๐๑ และได้อำลาจากทุกคนไปในปีค.ศ.๑๙๙๕  ท่านได้ใช้เวลาทั้งเกือบศตวรรษที่ ๒๐ ในการร่วมเดินทางชีวิตกับมนุษยชาติ
       ท่านเพียงคนเดียว ได้ส่งผลอันไพศิฐ (ประเสริฐ วิเศษ) ต่อโลกทั้งใบ
       ท่านเพียงคนเดียว ได้สร้างสรรค์ปวงชนอันมากมาย
       และท่านเพียงคนเดียว  ที่ไม่เพียงแต่ได้คงชื่อยืนยงคู่โลกาเท่านั้น อีกทั้งยังได้จุดประกายอนาคตอันสว่างไสวให้มนุษยชาติอย่างมิอาจลบเลือน
       วันที่ ๒๕ เดือน ๒ ค.ศ.๑๙๙๕ ตอนเที่ยงยามในคืนสงัด ท่านได้จากโลกนี้ไปอย่างเงียบ ๆ ผู้คนจำนวนมากต่างพิลาปหวนไห้ผู้คนมากมายต่างรำลึกคะนึงหา  มาตรว่า เราจะรอนแรมค้นหาท่านจนสุดหล้าฟ้าเขียว เราก็มิอาจพบเห็นรอยบทมาลย์ของท่านได้อีกและมาตรว่า  เราจะเพรียกหาจนสนั่นลั่นปฐพี เราก็มิอาจจะได้ฟังโอวาทอันเปี่ยมล้นด้วยความเมตตาของท่านได้อีกแล้ว
      แต่ในทุก ๆ ร่องรอยที่ท่านได้เคยปลูกฝังลงสู่ความจำของพวกเราล้วนเป็นสิ่งที่สุดล้ำค่า เป็นสิ่งที่สุดประเสริฐอย่างมิอาจมีสิ่งใดจะทดแทนได้
      ท่าน คือ ธรรมธาดาที่พึงสรรเสริญเทิดทูนให้เป็นปรมาจารย์แห่งยุคพระพุทธะบนแดนดิน เพราะท่านได้ใช้ชีวิตทั้งชีวิตของท่านแสดงให้เห็นถึงเกียรติภูมิอันยิ่งใหญ่แห่งอริยาให้ปรากฏ อีกทั้งยังได้บุกเบิกเส้นทางแห่งการบำเพ็ญที่แสนจะเรียบง่าย ปฏิบัติง่ายและตรงที่สุดแห่งกาลเวลานับแต่อดีตตราบจนปัจจุบัน
     ท่านผู้นั้น ก็คือ  ท่านผู้เฒ่าหันอวี่หลิน  ท่านเหล่าเฉียนเหริน แห่งอนุตตรธรรม ผู้ซึ่งเป็นมหาบุรุษผู้โดดเด่นแห่งศตวรรษที่ ๒๐ในหนังสือเล่มนี้ จึงได้ทำการถ่ายทอดปฏิปทาอันน่านับถือของท่านที่ได้แสดงออก จริยวัตรอันน่าสรรเสริญเทิดทูนของท่านที่ได้ปฏิบัติอยู่ทุกลมหายใจออกมาอย่างเงียบ ๆ ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการถ่ายทอดความรู้สึกที่เคารพรัก เทิดทูนบูชา และสำนึกคุณที่มีต่อท่านเหล่าเฉียนเหรินอย่างสุดบรรยาย
       

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม

               ประวัติสังเขป :  องค์สมเด็จพระกตธิการ บรมอริยธรรมราชเจ้า  ผู้เฒ่าน้ำใส

        ปีหมินกั๋วที่ ๒๗ (ค.ศ.๑๙๓๘) เดือน ๗ ท่านเหล่าเฉียนเหริน มีอายุได้ ๓๘ ปี เหตุด้วยท่านมีกิจการที่รุ่งเรืองและมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่การงานสูง จึงทำให้ท่านต้องเจ็บป่วย ด้วยเพราะท่นตรากตรำกรำงานหนักมาเป็นเวลานาน ท่านป่วยเป็นวัณโรคระยะที่ ๓ อีกทั้งยังสูญเสียเลือดเป็นจำนวนมาก อาการจึงยิ่งทรุดหนักลงทุกวัน ๆ  จนแพทย์ทั้งแผนโบราณและแผนปัจจุบันต่างต้องจนด้วยปัญญา  แต่ในขณะที่กำลังจะสิ้นหวัง  บังเอิญได้รับการเชิญชวนให้รับธรรมะจากหมอจีนนามว่า "ซุนหลันฟัง" ซึ่งได้กล่าวว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตา บางทีอาจจะดีขึ้นก็ได้
        ท่านเหล่าเฉียนเหริน จึงบังเกิดความมั่นใจ และมีความหวังขึ้นมาในทันใด ดังนั้นในวันที่ ๒๗ เดือน ๗  ท่านเหล่าเฉียนเหรินจึงได้รับธรรมะ  ณ หอประชุมแห่งหนึ่งในเทียนจิน ซึ่งเป็นเขตเช่าของฝรั่งเศสในตอนนั้น  หลังจากได้รับธรรมะ และได้รับการส่งเสริมจากเฉียนเหรินว่าสามารถมาศึกษาในสถานธรรมได้แล้ว ท่านก็มาศึกษาธรรมะอยู่ระยะเวลาหนึ่ง เพียงแต่ยังมิได้เกิดความสนใจมากเป็นพิเศษ อีกทั้งอาการป่วยก็ยังมิได้ดีขึ้นอย่างที่เข้าใจแต่อย่างใด ขณะนั้นคุณซุนและญาติมิตรทั้งหลายต่างชักชวนให้ลองไปรักษาตัวที่เป่ยผิง  ดังนั้นท่านจึงเดินทางไปที่เป่ยผิง แต่หลังจากที่ท่านได้รับการตรวจวินิจฉัยจากโรงพยาบาลว่า เป็นวัณโรคในระยะที่มิอาจรักษาให้หายได้แล้ว ท่านจึงได้เดินทางไปรักษาตัวที่ซีซัน
        ในขณะที่ท่านกำลังกลุ้มใจกับอาการป่วยอยู่นั้น ท่านก็ได้พบกับคุณ กงเผิงหลิง ที่ปฏิบัติงานธรรมที่เป่ยหลิง  คุณกงเผิงหลิงเป็นอิ๋นเป่าซือ (อาจารย์แนะนำรับรอง) ของท่านเหล่าเฉียนเหริน
        ดังนั้นจึงได้แนะนำท่านเหล่าเฉียนเหรินพักอยู่ในสถานธรรมที่พึ่งสร้างเสร็จในทางทิศตะวันตกของตัวเมือง และได้เชิญอาจารย์มวยไท้เก๊กมาสอนท่านเหล่าเฉียนเหรินรำมวยในเวลา ๖ โมงเช้าทุกวันหลังจากผ่านไป ๑๐วันท่านก็ได้พบกับ กงเฉียนเหริน
ที่ส่งเสริมด้วยความเมตตาว่า ""พอดีวันนี้เป็นวันครบหลักสูตร ๑ เดือนของชั้นศึกษาธรรม เธอลองไปฟังดูหากว่ามีใจซาบซึ้งถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ บางทีอาการป่วยก็อาจจะหายได้"" ครั้นท่านเหล่าเฉียนเหรินได้รับฟังจึงเดินทางไปร่วมชั้นเรียน และในวันนั้นก็ได้รับความเมตตาส่งเสริมจากพระพุทธจี้กงจนแจ่มแจ้งตื่นฝัน และในเวลาที่จะปิดชั้นเรียน ทุกคนได้จัดทำอาหารถวายพระแม่องค์ธรรม  พระอาจารย์ทรงเมตตาว่า ""วันนี้ทุกคนทำได้ดีมาก ต่างมีใจศรัทธาตั้งปณิธาน พระแม่องค์ธรรมทรงดีพระทัย พวกเจ้าไม่ว่าจะป่วยเป็นโรคอะไร ขอเพียงมาทานอาหารที่จัดถวายพระแม่องค์ธรรมแค่นิดเดียว โรคภัยก็จะหายสิ้น"" ครั้นท่านเหล่าเฉียนเหรินได้ฟังก็รีบเดินเข้าไปทานหนึ่งคำ แต่ในขณะที่กลืนลงไปนอกจากจะรู้ว่าเย็น ๆ แล้วนอกนั้นก็หาได้รู้สึกพิเศษไม่ และในวันนั้นพระพุทธจี้กงก็ยังได้ทรงมอบหมายหน้าที่ต่าง ๆ ให้แก่ท่านเหล่าเฉียนเหรินอีกด้วย
        ผ่านไปอีก ๒ วัน ท่านได้ย้ายไปสถานธรรมอีกแห่งหนึ่ง พระอาจารย์จี้กงทรงเมตตาว่า""หากเจ้าทำงานธรรมแทนฟ้า โรคภัยเพียงแค่นี้ จะนับประสาอะไร"" เมื่อท่านเหล่าเฉียนเหรินได้สดับพระโอวาทของพระอาจารย์ภายในใจก็แอบตั้งปณิธานว่า""หากโรคหาย การงานก็จะไม่ทำแล้ว บ้านก็ไม่เอาแล้ว จะมุ่งทำงานธรรมแทนฟ้าอย่างเดียว"" นับแต่นั้นท่านก็มิได้ไปโรงพยาบาลอีก ยาหมอก็มิได้ทานอีก  ผ่านไประยะหนึ่ง อาการป่วยก็เริ่มทุเลาดีขึ้น ท่านจึงยิ่งบังเกิดความมั่นใจมากขึ้นเป็นทวี แท้จริงแล้วในตอนนั้น พระอาจารย์ทรงประทานพระโอวาททั้งหมด ๑๖ ประโยค แต่มีอยู่ ๒ ประโยคที่มีเนื้อหาดังนี้คือ """หากมิใช่แรงหัตถ์อาจารย์หนุน ต้องร่วงผลุนตกสู่นรการต์"""
       สองเดือนผ่านไป  วัณโรคระยะ ๓  ของท่านก็หายเป็นปลิดทิ้ง ในเวลานั้นท่านเหล่าเฉียนเหรินได้เดินทางกลับไปยังเทียนจิน และได้รับทราบข่าวอ้นน่าสะพรึงกลัวที่เกิดขึ้นภายในโรงงานย้อมผ้าเต๋อหลง คือ ๗ วัน หลังจากท่านเหล่าเฉียนเหรินได้เดินทางไปเป่ยผิง ในคืนวันหนึ่งมีโจรเรียกค่าไถ่ ๕ คน แอบแฝงเข้าไปจับคน ๓ คนภายในโรงงาน ซึ่งความจริงแล้วพวกเขาต้องการจับท่านเหล่าเฉียนเหรินแต่เพียงผู้เดียว แต่เนื่องจากท่านเหล่าเฉียนเหรินไม่ได้อยู่ในโรงงาน ดังนั้นจึงได้จับคนอื่น ๓ คนไปแทน ซึ่งก็ใช้เวลานานถึง ๓ เดือน จึงสามารถไถ่ตัวคืนมาด้วยเงินถึง ๑๒,๐๐๐ หยวน ในเวลานั้นท่านเหล่าเฉียนเหรินจึงพลันนึกถึงพระโอวาทของพระอาจารย์ขึ้นมา หากเพราะไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทรงช่วยปัดเป่านำพาในขณะนั้นท่านก็คงจะไม่ได้ไปเป่ยผิง และจะต้องประสบชะตากรรมการถูกจับเรียกค่าไถ่ ซึ่งท่านก็คงสิ้นชีวิตไปแล้วอย่างแน่นอน ด้วยความสำนึกในพระคุณ ท่านเหล่าเฉียนเหรินจึงปฏิญาณตนอย่างเด็ดเดี่ยวว่า ""นับแต่นี้จะมุ่งมั่นทดแทนคุณชำระปณิธาน อุทิศตนเพื่องานธรรม แลศึกษาบำเพ็ญเพื่อช่วยโลกและผู้คนให้จงได้""" และนับแต่นั้นมาท่านก็ฝึกเป็นสามคุณ และออกทำงานธรรมยังแต่ละสถานธรรมโดยมิเคยย่อท้อ
        ฟ้าเบื้องบนทรงอนุเคราะห์ส่งเสริมผู้คนด้วยความยากลำบาก ด้วยพระเมตตากรุณาอันไร้ขอบเขตของฟ้าเบื้องบน จึงชำระจิตใจของชาวโลกอันหยาบกร้านให้ตื่นแจ้งขึ้นอีกครั้ง และท่านเหล่าเฉียนเหรินจึงได้พ้นจากเคราะห์ภัยไปอีกเปราะหนึ่ง นับแต่นี้ท่านก็ทดแทนคุณด้วยใจอันกล้าแกร่งและมั่นคงมิเสื่อมคลายเสมอมา
        ปีหมินกั๋วที่  ๒๘  (ค.ศ. ๑๙๓๙) หลังจากท่านเหล่าเฉียนเหรินได้เดินทางกลับเทียนจินแล้ว ท่านได้รับผิดชอบเป็นเหรินฉายและออกกรำงานธรรมอยู่ทุกวัน ในเวลานั้นเป็นช่วงสงครามต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่นกอปรกับเกิดอุทกภัยครั้งยิ่งใหญ่ ที่นำหายนะภัยมาสู่ภาคเหนือของประเทศจีน จนทำให้ผืนแผ่นดินต้องกลายเป็นเวิ้งมหาสมุทรสุกลูกหูลูกตา 
        พระโอวาทสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เมตตาว่า""หายนะวินาศภัย ทวยเวไนย์ประสบเคราะห์กรรม"" ล้วนได้ประจักษ์จริงแล้วทั้งสิ้น เนื่องด้วยท่านเหล่าเฉียนเหรินได้เห็นสถานการณ์อันแลวร้ายจนสรรพเวไนย์ต้องลำเค็ญทุกข์เข็ญ กอปรกับย้อนรำลึกถึงคำพยากรณ์ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ล้วนได้ประจักษ์จริงเหล่านี้ด้วยแล้ว ท่านจึงตัดสินใจจะอุทิศทุกสิ่งและมุ่งทำงานธรรมอย่างไม่ลดละ ดังนั้นในปีหมินกั๋วที่ ๒๙  (ค.ศ. ๑๙๔๐) วสันตฤดู  ท่านได้ตัดสินใจปิดกิจการโรงงาน และในช่วงเดือน ๔ ของปีเดียวกันทั้งครอบครัวก็ได้ย้ายกลับไปยังบ้านเกิด ณ อำเภอหนิงเหอ ท่านรำพันอยู่เสมอว่า""ใจหนึ่งมิแปรสอง มุ่งทำงานธรรมอย่างเดียว"" และนับแต่นั้นท่านก็รับผิดชอบหน้าที่ภายในสถานธรรม ดูแลนำพางานธรรม อุทิศแรงกายแรงใจ ตราบจนสิ้นอายุขัยของท่าน
        ปีหมินกั๋วที่  ๓๐  (ค.ศ.๑๙๔๑) เดือน ๓  วันที่ ๓  ท่านเหล่าเฉียนเหรินได้รับโองการสวรรค์เป็นอาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรม  ปีหมินกั๋วที่  ๓๗  (ค.ศ.๑๙๔๘)  เดือน ๗  ขึ้น ๘ ค่ำ  ได้รับบัญชาจากท่านซือหมู่ให้ไปบุกเบิกงานธรรมที่ไต้หวัน
       ในช่วงเวลา  ๖๐ ปี  อันยาวนาน ทุกวีรกรรมที่ท่านได้ปฏิบัติ ทุกธรรมจริยาที่ท่านได้สำแดง ก็ล้วนได้เผยให้เห็นซึ่งธรรมะอันประเสริฐล้ำค่าอย่างสุดประมาณ   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม

                    ๓.    ปฏิปทาองค์สมเด็จพระกตธิการ บรมอริยธรรมราชเจ้า ผู้เฒ่าน้ำใส

         แม้ประวัติการรับธรรมะ และความศรัทธาของท่านจะเป็นไปอย่างพิศดาร ส่วนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ประหนึ่งว่าจะทรงเมตตาส่งเสริมท่านเป็นกรณีเฉพาะ แต่ในบรรดาญาติธรรมมากมายนั้น ก็น้อยนักที่จะมีบุคคลที่สามารถธำรงการสำนึกพระคุณฟ้าบารมีอาจารย์อีกคิดหาทุกวิถีทางเพื่อทดแทนพระคุณ นำพาซึ่งจิตที่ซาบซึ้งในบุญคุณแปรเป็นการกตเวทิตา  และแสดงออกซึ่งจริยาอันยิ่งใหญ่แห่งมวลมนุษย์ให้ขจร  ด้วยการอุทิศเทิดทูนและการเผยแพร่ธรรมะแทนเบื้องฟ้าในทุกขณะเวลาอย่างท่านได้
        และที่น่าประทีบใจอย่างยิ่งนั้นก็คือ ไม่ว่าท่านจะดำรงอยู่ในสถานการณ์อันราบรื่นหรือเลวร้ายเช่นไร  ท่านก็หาได้ลืมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแห่งเบื้องฟ้า และพระบารมีอันยิ่งใหญ่แห่งพระอาจารย์ไม่ อีกท่านยังตระหนักถึงพระปกาศิตแห่งพระโองการสวรรค์ และสัมพันธภาพอันแน่นแฟ้นระหว่างฟ้า และชาวโลกที่มิอาจห่างจากแม้เพียงชั่วครู่ได้เป็นอย่างดี ดังนั้น มาตรว่าจะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยอันด้อยค่า ท่านก็ยังสามารถแสดงออกซึ่งความกตัญญูกตเวทิตาจากหัวใจ แลกราบกรานสำนึกด้วยใจอันรู้คุณอย่างน่ายกย่อง
        ในสมุดอนุทินเพียง  ๒๐  กว่าหน้าที่สลับปกว่า "" เกร็ตอัตประวัติชั่วชีวิตของข้าพเจ้า "" เล่มหนึ่งของท่านนั้น ก็ได้บันทึกถึงการขอบพระคุณต่อฟ้าเบื้องบนถึง  ๒๐  กว่าครั้ง 
         เราจึงขอคัดลอกอ่านท่องลายลิขิตของท่าน เพื่อที่จะเป็นสื่อให้พวกเรา ได้เพิ่มความเข้าใจและความถวิลหาที่มีต่อท่านได้มากยิ่งขึ้นอีกทางหนึ่ง
    -- ปี ๕๖  (ค.ศ.๑๙๖๗)  บุตรชาย -- วั่นเหนียน  ได้รับพระเมตตาจากเบื้องบน ณ เดือน ๕ ๕ ค่ำ ได้บุตรชายคนหนึ่ง 
   --- ปี ๕๗  (ค.ศ.๑๙๖๘)  เบื้องบนทรงพระเมตตา งานธรรมล้วนลุดหน้า ทุกคนล้วนสวัสดี
   --- ปี ๕๘  (ค.ศ.๑๙๖๙)...ถึงช่วงเดือน ๙ เดือน ๑๐ สุขภาพไม่สู้ดี อาจเพราะเกี่ยวกับอายุขัย จึงได้แต่ปล่อยไปตามยถากรรมแต่ที่โชคดียิ่งนัก ก็คือ นับแต่ปี  ๔๘ (ค.ศ.๑๙๕๙) ถึงปี ๕๘ (ค.ศ.๑๙๖๙)  ผู้ศรัทธาของแต่ละแห่งล้วนเพิ่มมากขึ้น พุทธบุตรผู้มีบุญล้วนทยอยขึ้นฝั่งเป็นจำนวนมาก ด้วยพระเมตตาของฟ้าเบื้องบน ประชุมธรรมจึงได้เปิดถึง  ๒๐  กว่าครั้ง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทรงพระเมตตาอนุเคราะห์ ทรงแสดงบุญฤทธิ์ประสิทธิ์พิทยาให้ตื่นหลง ให้เกิดจิตจำนงค์กลับตังมุ่งมั่นในทางธรรม และตั้งปณิธานมุ่งบำเพ็ญมีเป็นจำนวนมาก สถานธรรมในแต่ละที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างมากมาย แต่น่าเสียดายที่ผู้บำเพ็ญต่างมีระดับพื้นฐานที่ไม่สม่ำเสมอผู้ระแวงและถดถอยก็มีปรากฏให้เห็นอยู่เนือง ๆ  แต่ด้วยพระกรุณาของเบื้องบน งานธรรมยังคงรุดหน้าไปด้วยดี
   ---ปี ๖๐ (ค.ศ.๑๙๗๑) เดือน ๓  ได้เริ่มงานก่อสร้างอนุสรณ์พระบรรพจารย์ที่ฝูซัน  นับแต่ท่านซือหมู่เดินทางมายังไต้หวันตราบจนมีงานธรรมอันกว้างใหญ่เช่นวันนี้ ต่อบนก็ล้วนเพราะได้รับพระคุณฟ้าบารมีอาจารย์โดยแท้  ต่อล่างก็ล้วนเพราะการร่วมแรงร่วมใจของเหล่าศิษย์พี่น้อง  อีกด้วยการบำบัดทุกข์บำรุงสุขของทางการที่อภิบาลดูแลบ้านเมืองจนอุดมสมบูรณ์  ประชาราษฏรต่างอยู่เย็นเป็นสุข และด้วยพระบุญญาบารมีแห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงโปรดเมตตายังทุกสถาน งานธรรมจึงได้เจริญมาตลอด
   ---ปี ๖๐ (๑๙๗๑)  หลีฉยงฮว๋า ที่ไทเป ได้ฉุดช่วยนางเกาซุน ชาวญี่ปุ่น และผู้ช่วยของเขามารับธรรมะ จึงได้เปิดชั้นเรียนให้แก่ทั้งสองขึ้นโดยเฉพาะ อีกสิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาส่งเสริม พวกเขาจึงได้ศรัทธาและกลับไปฉุดช่วยคน จวบกระทั่งถึงเดือน ๙ หงเจินและซิวเหมย ทั้งหมด ๑๐ กว่าคน ไปปฏิบัติงานธรรมที่นั่นได้เดือนกว่า ผู้มีบุญได้ขึ้นฝั่งเป็นจำนวนมาก งานธรรมของแต่ละที่เริ่มเจริญรุ่งเรือง ในช่วงเวลาเพียง ๑ ปีนี้ การเปิดประชุมธรรมก็มีมากถึง ๔๐ - ๕๐ ครั้ง ทั้งหมดนี้ล้วนมิอาจเป็นไปด้วยลำพังกำลังแห่งมนุษย์เลยแล
       

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม

    ---ปี ๖๗ (ค.ศ.๑๙๗๘) ตึกอนุสรณ์พระบรรพจารย์ได้สร้างตึกบริวารสองข้าง งานธรรมยังคงมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาแสดงพุทธานุภาพ ผู้มีจิตศรัทธาของแต่ละแห่งล้วนเพิ่มจำนวน ที่ญี่ปุ่นก็มีเพิ่มขึ้น นางเกาชุน ชาวญี่ปุ่น พร้อมด้วยคณะประมาณ ๒๐ คนเศษได้มาศึกษาชั้นประชุมธรรมของแต่ละสถานธรรมที่ไต้หวัน ทุกคนต่างกลับไปโดยสวัสดิภาพ เมื่อเดือน ๙ หงเจิน ได้เดินทางไปญี่ปุ่นอีกครั้ง และยังได้เดินทางต่อไปยังเอเซียอาคเนย์ สิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย  ล้วนมีผู้มีพุทธสัมพันธ์อันดีเป็นจำนวนมาก ผู้มารับธรรมะมีจำนวนนับร้อย ในช่วงเวลาหนึ่งปีมานี้ ชั้นเรียนได้เปิดถึง ๔๐ - ๕๐ ครั้ง พระโอวาทสิ่งศักดิ?สิทธิ์ก็แยบยลสุดคณา นับแต่อดีตไม่เคยมีปรากฏการมาก่อน ในปีนี้สถานธรรมที่ก่อสร้างแล้วเสร็จก็เพิ่มขึ้นอีกหลายแห่ง เบื้องบนทรงพระเมตตา ก็ได้ผ่านพ้นไปโดยสวัสดีอีกปีหนึ่ง
   ---ปี ๗๑ (ค.ศ.๑๙๘๒)  เดือน ๙ วันที่ ๖  ข้าพเจ้าได้พา หวังฉีหวง  เฉินเหม่ยจู  และสามคุณ โดยสารเครื่องบินไปญี่ปุ่น และต่อไปยัง ลอสแองเจลิส   บอสตัน   วอชิงตัน  นิวยอร์ก  ซานดิเอโก้  มอริเชียส  ไปพักแรมที่ญี่ปุ่นหนึ่งคืน แล้วจากนั้นค่อยเดินทางกลับไต้หวัน ด้วยเพราะเบื้องบนทรงพระเมตตา ทุกสิ่งจึงราบรื่นไปด้วยดี การที่อนุตตรธรรมสามารถปกแผ่ได้อย่างกว้างไกลนั้นหาใช่พลังแห่งมนุษย์เราจะสามารถทำได้ไม่ แต่การที่คนเราสามารถทำงานเผยแพร่ธรรมได้นั้น หากไร้คนก็มิอาจมีผลสำเร็จได้แล
   ---ปี ๗๒ (ค.ส.๑๙๘๓)  เดือน ๑๑ วันที่ ๒  บ้านเมตตาสว่างอำไพแห่งผูหลี่ (กวงหมิงเหรินอ้ายจือเจีย) ได้ทำพิธีเบิกหน้าดินโดยมีอธิบดีกรมสวัสดิการสังคม ซึ่งเป็นตัวแทนประธานมณฑล อีกเหล่าญาติธรรมและผู้คนจากทั่วทุกสารทิศที่มาร่วมชุมนุม  จำนวนคนก็มีมากถึง ๑,๖๐๐ - ๑,๗๐๐ ชีวิต เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่อย่างมิเคยมี จำเดิมแต่ปี ๓๗ (ค.ศ.๑๙๔๘) ที่มายังไต้หวัน ตราบจนปี ๗๒ (ค.ศ.๑๙๘๓) ก็เป็นเวลานานถึง ๓๕ ปี  งานธรรมแต่ละแห่งหนล้วนมีความรุดหน้า สถานธรรมก็มีจำนวนมากมานอย่างสุดคณาส่วนสถานธรรมใหญ่ก็มีจำนวนมากถึง ๓๗ แห่ง ด้านญี่ปุ่นและแถบเอเซียอาคเนย์ต่างมีความก้าวหน้า จะมีเพียงแต่อเมริกาเท่านั้นที่ยังขาดบุคลากร จึงยังมิได้พัฒนา  ความประกาศิตของพระโองการสวรรค์แห่งพระวิสุทธิอาจารย์ช่างยากที่จะคาดคะเนยิ่งนัก
  ---ปี (ค.ศ.๑๙๘๔)  ปี ๗๓  เริ่มตั้งแต่เดือน ๑  วันที่ ๑๘ เป็นต้นไป อาจารย์ถ่ายทอดธรรมทั้งหมด ๒๖๐ คน ได้มาเข้าชั้นขมาสำนึกบาป พระพุทธาจารย์เทียนหรัน และ พระอริยมาตาจงฮว๋า ต่างประทับญาณเมตตา ทุกคนต่างซาบซึ้งจนร่ำไห้ ต่อจากนั้นก็เปิดชั้นขมาสำนึกบาปของถันจู่และเจี่ยงซือ อีก  ๔๐ กว่าชั้น การช่วยเหลือแห่งสากลสิ่งศักดิ์สิทธิ์ล้วนประสบผลสำเร็จ พระอาจารย์ทรงประทานพระโอวาทบทหนึ่ง และให้นำบทโอวาททั้งหมดในชั้นขมาสำนึกบาปมารวบรวมเป็นเล่ม และให้ชื่อว่า "" เทียนอวิ้นซูจี ""
( อัศจรรย์วิถีฟ้า ) ตกทอดสู่ชนรุ่นหลังสืบไป
  ---ปี ๗๔ (ค.ศ.๑๙๘๕)  เดือน ๑  หลายปีมานี้ การปัสสาวะขัดข้องความเจ็บปวดเพิ่มมากขึ้นเป็นทวี จึงทำการผ่าตัดที่โรงพยาบาลฉางเกิง ตราบจนเดือน ๕  จึงหายเป็นปกติ ทั้งหมดล้วนเพราะได้รับพระมหากรุณาธิคุณเบื้องบนโดยแท้ ดูจากเหตุการณ์แล้ว คงจะอยู่ต่อได้อีกหลายปี
  ---ปี ๗๔ (ค.ศ. ๑๙๘๕)  เดือน ๖  บุตรชาย - วั่นฮว๋า  ได้ส่งจดหมายมา ทุกคนล้วนปลอดภัยสวัสดี อีกทั้งได้ส่งรูปถ่ายของเหลนหญิงมาคนละใบ  ทั้งหมดนี้ก็ด้วยเพราะพระมหากรุณาธิคุณของเบื้องบน พระกฤดาธิการของพระอาจารย์โดยแท้
  ---ปี ๗๔ (ค.ศ. ๑๙๗๕)  ได้ทำการสรุปผลงานประจำปี พบว่า สถานธรรมมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น งานธรรมที่เอเซียอาคเนย์ล้วนมีความก้าวหน้า ช่างวิเศษสุดประมาณนักแล
  ---ปี ๗๕ (ค.ศ. ๑๙๘๖)  เดือน ๕ วันที่ ๒๐ ต้นปรง สองต้นที่ฝูซันหรงเยวี้ยน ต่างออกดอกพร้อม ๆ กัน โบราณกล่าวว่า""ยากได้เห็นปรงพันปีผลิดอกบาน "" แต่ต้นปรงสองต้นที่ฝูซัน ซึ่งเป็นที่พักของท่านเหล่าเฉียนเหริน กลับออกดอกบานพร้อมกันทั้งสองต้น จึงเห็นได้ว่าบารมีของท่านเหล่าเฉียนเหรินยิ่งใหญ่นักแล  งานธรรมของแต่ละแห่งล้วนก้าวหน้า บุคลากรมีเพิ่มมากขึ้นเป็นทวี อาจารย์ที่มารับโองการสวรรค์ในแต่ละแห่งก็มีมากถึง ๔๐๐ กว่าท่าน พระคุณฟ้าบารมีอาจารย์ยากทดแทนให้สิ้นได้แลส่วนงานธรรมที่เมืองไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ต่างมีความก้าวหน้า สถานธรรมทั้งในและต่างประเทศล้วนมีจำนวนมากมายอย่างมิอาจประมาณ
  ---ปี ๗๖ (ค.ศ. ๑๙๘๗) เดือน ๕ วันที่ ๑๕  ได้เดินทางไปยังเอเซียอาคเนย์ โดยผ่านไปยังสิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย  และจากนั้นได้เดินทางต่อไปยังฮ่องกง เพื่อพบลูกหลานที่ไม่เคยได้พบหน้ามาเป็นเวลานานถึง  ๔๐ ปี  ได้ทราบว่าสุสานที่บ้านได้ถูกดันราบปัายบรรพชนได้สูญมลาย  ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดร้าวใจยิ่งนัก แต่บุตร ธิดา ต่างปลอดภัยกันทุกคน นี่ก็เพราะได้รับการปกป้องรักษาจากฟ้าเบื้องบนพระบารมีแห่งพระอาจารย์โดยแท้  เดือน ๖  วันที่  ๒๐  ได้เดินทางจากฮ่องกงกลับไต้หวัน ทุกสิ่งล้วนราบรื่นปลอดภัย  """ ตอนที่อยู่เมืองไทย ได้เดินทางจากหาดใหญ่ ไป สุราษฏร์ธานี โดยรถยนต์เป็นเวลา ๖ ชั่วโมง ระหว่างทางได้เกิดอุบัติเหตุ รถเสียหายเพียงเล็กน้อย ทุกคนล้วนปลอดภัยหมด การที่เคราะห์ภัยล้วนแคล้วคลาด ก็ด้วยเพราะเบื้องบนทรงพิทักษ์คุ้มครองนั่นเอง
   ---ปี ๗๖ (ค.ศ.๑๙๘๗) เดือน  ๘  วันที่ ๑๕ เป็นวันรำลึกการสำเร็จธรรมครบรอบ  ๔๐ ปี ของท่านซือจุน ทุกคนต่างทำพิธีบูชาแซ่ซ้อง ด้วยเพราะซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเบื้องบน พระบารมีแห่งพระอาจารย์โดยแท้ ดังนั้น  แม้ชีพจะม้วยมรณาก็ยากจะทดแทนให้สิ้นได้แล

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม

      --ปี ๗๖ (ค.ศ.๑๙๘๗) เดือน ๘ วันที่ ๑๕ เป้นวันรำลึกการสำเร็จธรรมครบรอบ ๔๐ ปี ของท่านซือจุน ทุกคนต่างทำพิธีบูชาแซ่ซ้อง ด้วยเพราะซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเบื้องบน พระบารมีแห่งพระอาจารย์โดยแท้ ดังนั้น แม้นชีพจะม้วนมรณาก็ยากจะทดแทนให้สิ้นได้แล
    --ปี ๗๖ (ค.ศ.๑๙๘๗) นับแต่ปี ๓๗ (ค.ศ.๑๙๔๘) ที่มายังไต้หวัน ตราบบัดนี้ก็เป็นเวลานานถึง ๔๐ ปีแล้ว ด้วยพระมหาเมตตาพระมหากรุณาแห่งฟ้าเบื้องบน ผู้คนที่ขึ้นสู่ฝั่งก็มีจำนวนมากมายอย่างสุดคณนา แถบเอเซียอาคเนย์ มีเมืองไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ เป็นอาทิ อีกประเทศออสเตรเลีย แอฟริกาใต้ ป่รากวัย เกาหลี ญี่ปุ่น อเมริกา ต่างมีคนออกไปบุกเบิกเผยแพร่ จึงเห็นได้ว่าพระโองการณ์สวรรค์ช่างวิเศษสุดยิ่งนักแล
     ปี ค.ศ. ๑๙๘๙ (ปีหมินกั๋วที่ ๗๘) ท่านเหล่าเฉียนเหรินได้อำลาจากบ้านเกิดเป็นเวลาได้ ๔๐ ปี และปีนี้ก็เป็นครั้งแรกที่ท่านได้เดินทางกลับบ้านเกิด ใช้เวลาไปกลับทั้งสิ้น ๗ วัน ท่านได้กล่าวไว้ว่า
   --เดือน ๔ วันที่ ๑๖ (วันที่ ๑๙ เดือน ๓ ตามจันทรคติ) ได้ไปยังปักกิ่ง วั่นเหนียน (บุตรชายคนที่สอง) จงซิ่ว (หลานหญิง) ได้ร่วมเดินทางไปด้วย...ครั้นเอ่ยถึงเหตุการณ์ที่บ้านเกิดแล้ว ก็เนื่องด้วยจำเดิมครอบครัวที่มีทรัพย์สินจัดอยู่ในชั้นพิเศษ ได้ถูกกวาดล้างขับไล่ออกจากเรือนอาศัยจนต้องสิ้นเนื้อประดาตัว... มีเพียงแต่ครอบครัวข้าพเจ้าที่มิได้ประสบภยันตราย ทั้งหมดล้วนเพราะเบื้องบนทรงคุ้มครองและไม่ทอดทิ้งดูดายแล
     ไปกลับใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ ได้แต่โศกาอาดูรเท่านั้น ปีนี้ ปีนี้ข้าพเจ้าอายุ ๘๙ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณเบื้องบน พระบารมีแห่งพระอาจารย์ที่ทรงอภิบาล จึงทำให้มีวันนี้ได้ หากว่ามิได้บำเพ็ญและยังคงอยู่ที่เมืองจีน ตอนนี้ก็คงไร้แม้แต่ซากกระดูกไปเสียแล้ว ปีนี้ข้าพเจ้ามีอายุได้ ๘๙ ได้ผ่านความทุกข์ยากลำบากมานับไม่ถ้วน หากมิใช่เพราะบำเพ็ญ และได้รับพระพุทธบริบาลจากฟ้าเบื้องบนแล้วไยจะมีความสุขไพบูลย์อย่างทุกวันนี้ได้  ---ปี ๗๙ (ค.ศ.๑๙๙๐) ๑๐ ค่ำ เดือน ๒ ได้เดินทางไปทำพิธีประดิษฐานสถานธรรมข่งเมี่ยวที่เมืองไทย พร้อมกับ  วั่นเหนียน ต่งเจาเสียน เฉินเหม่ยจู เป็นอาทิ หลังจากได้กราบอัญเชิญประดิษฐานพระแม่องค์ธรรมแล้ว ก็เปิดชั้นขมาสำนึกบาป อีกยังทำพิธีเปิดอริยวิหารแห่งยุคขาว (ไป๋หยังเซิ่งกง) และทำพิธีเบิกหน้าดินสถานที่ก่อสร้างวิทยาลัยอนุตตรธรรมกวงหมิง ความอลังการแห่งพิธีมิเคยมีปรากฏมาก่อน พระโองการณ์สวรรค์แห่งพระวิสุทธิอาจารย์แห่งอนุตตรธรรมนี้ช่างวิเศษสุดประมาณได้ ในวันที่ ๒๓ ได้เดินทางกลับทั้งหมดล้วนปลอดภัยสวัสดี

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม

   ---ปี ๗๙ (ค.ศ. ๑๙๙๐)  เดือน ๓ วันที่ ๒๕ หลานชายเสี่ยวเฉียง ได้เดินทางไปเรียนภาษาญี่ปุ่นยังแดนอาทิตย์อุทัย โดยมีคุณเกาชุนเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ ต้องขอขอบพระคุณพระมหากรุณาธิคุณอันไพศาลของฟ้าเบื้องบนโดยแท้
---ปี ๘๑ (ค.ศ.๑๙๙๒) เดือน ๑๒ วันที่ ๓ ได้เดินทางไปเมืองไทย...ได้พบปะกับบรรดาญาติธรรมที่มีจิตศรัทธาจำนวน ๖๐๐ กว่าคนที่กรุงเทพฯ จากนั้นได้เดินทางไปทำพิธีเปิดสถานธรรมข่งเมี่ยว ที่ สุราษฏร์ธานี  ผู้คนที่มาร่วมในพิธีมีจำนวนมากถึง ๔,๐๐๐ คน ผู้มีจิตศรัทธาของแต่ละประเทศมีจำนวนมากมายสุดคณานับ จากนั้นก็ทำพิธีเบิกหน้าดินสถานพักเลี้ยงคนชรา โดยกำหนดจะก่อสร้างแล้วเสร็จในฤดูหนาวของปีหน้า สถานการณ์งานธรรมที่เมืองไทยได้พัฒนาไปอย่างไม่น่าเชื่อ เปิดชั้นขมาสำนึกบาป ๒ วัน ผู้คนที่มาร่วมชุมนุมก็มีมากถึง ๒,๗๐๐ คน ต่อมาได้ทำพิธีเบิกพระเนตรพระมหาพุทธปฏิมาพระศรีอริยเมตไตรย...
  ---ปี ๘๒ (ค.ศ. ๑๙๙๓)  เดือน ๑ ขึ้น ๙ ค่ำ ได้จัดประชุมอาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรมจากทุกสารทิศที่เทียนเอวี๋ยนฝอเยวี่ยน เมื่อเดือน ๑ ของปีที่แล้ว มีอาจารย์มาร่วมประชุมไม่ถึง ๕๐๐ ท่าน หากปีนี้มีจำนวนมากถึง ๖๐๐ กว่าท่าน การพัฒนางานธรรมของแต่ละแห่งล้วนขจรไกลไปยังแต่ละประเทศทั่วโลก จุดนี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่า พระโองการณ์สวรรค์แห่งพระวิสุทธิอาจารย์มิได้หลอกลวงแต่อย่างใด บัดนี้ ท่านซือจุน ซือหมู่ มิได้อยู่แล้วพระแม่องค์ธรรมทรงมีพระโอวาทบัญชา พระอาจารย์ก็ทรงมีพระโอวาทเช่นกันว่า ให้ข้าพเจ้ารับผิดชอบแทน บัดนี้ ผู้ที่รับโองการสวรรค์ต่างก็ออกเผยแพร่ธรรมกันไปแล้ว จะถูกหรือไม่ถูกอย่างไร ข้าพเจ้าก็มิทราบเหมือนกัน ก็หวังเพียงให้เบื้องบนทรงพระเมตตา ให้คนดีได้ขึ้นฝั่ง ปีนี้ ข้าพเจ้าอายุได้ ๙๓ ยังมิทราบว่าเมื่อใดจะต้องลาจาก จึงได้แต่ใช้ช่วงเวลาที่ยังคงอยู่ ทุ่มเทอุทิศเท่านั้น 
 ---ปี ๘๒ (ค.ศ.๑๙๙๓)  เดือน ๗ ขึ้น ๘ ค่ำ วันที่ ๒๕ เดือน ๘  เฉินต้ากูเดินทางไปอเมริกา ข้าพเจ้าได้เดินทางไปอเมริกาเมื่อปีที่แล้ว งานธรรมในทุกสถานธรรมล้วนเจริญไพบูลย์...ปีนี้ เนื่องจากข้าพเจ้าหัวใจเต้นไม่เป็นปกติ จึงไม่สามารถเดินทางไปได้ แต่เิดิมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทรงเมตตาว่า "ในอนาคตงานธรรมจักจำเริญทั่วโลกา" แต่ลำพังแค่ของพวกเราในตอนนี้ก็ขจรไปกว่าครึ่งโลกแล้ว พระโองการสวรรค์ช่างวิเศษสุดคณนายิ่งนักแล ปลายปี ๘๒ (ค.ศ.๑๙๙๓) ลูกหลานของท่านเหล่าเฉียนเหรินได้เิดินทางมาเมืองจีนมายังไต้หวัน ท่านได้บันทึกไว้ว่า...

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม

   ---เดือน ๑๒ วันที่ ๒๐ บุตรชาย - วั่นฮว๋า วั่นจัง บุตรสาวอีกสองคน หลานชาย ๒ คน หลานสาว ๑ คน ต่างได้เดินทางมาเยี่ยมข้าพเจ้าที่ไต้หวัน แต่เนื่องด้วยข้าพเจ้ามีสุขภาพไม่ค่อยดี เกรงว่าจะมิอาจพบหน้ากันได้อีก ทุกคนจึงอยู่ร่วมเทศกาลตรุษจีนที่ไต้หวันกับข้าพเจ้า  ปี ๘๓ (ค.ศ.๑๙๙๔) เดือน ๑ วันที่ ๒๙ ลูกหลานทั้งคณะได้เดินทางไปฮ่องกงโดยเที่ยวบินตอนบ่ายสองโมงครึ่ง พักอยู่ในสถานธรรมที่นั่น แล้วค่อยต่อเครื่องบินไปยังปักกิ่ง ด้วยเพราะได้รับพระมหากรุณาธิคุณของเบื้องบน พระคุณพระอาจารย์โดยแท้ ญาติธรรมจากทุกสารทิศ ล้วนให้การต้อนรับ ข้าพเจ้าปีนี้อายุ ๙๔ ปี จ้าพเจ้าได้กราบขอบพระคุณต่อการดูแลของทุก ๆ คนอยู่ทุกวัน ส่วนอาจารย์หวังปี้อวี้ที่ฮ่องกงที่ต้องลำบากเสียเงินเสียทอง ก็ยิ่งต้องขอบพระคุณมากเป็นพิเศษ แม้ท่านเหล่าเฉียนเหรินจะมีบารมีอันสูงส่งในอาณาจักรธรรม อีกด้วยวัยวุติที่อาวุโสถึงขนาดนี้แล้ว นอกจากท่านจะสำนึกในพระคุณฟ้าบารมีอาจารย์ ท่านยังกราบขอบพระคุณทุกคนที่ให้การดูแลต้อนรับลูกหลานของท่านทุก ๆ วันอีกด้วย ครั้นโฮ่วเสวีย ได้เขียนถึงจุดนี้ นอกจากจะรู้สึกซาบซึ้งตรึงใจแล้ว ในขณะเดียวกันก็รู้สึกละอายใจเป็นอย่างยิ่ง และสำหรับบารมีอันสุขุมลุ่มลึกของท่าน จากจุดนี้ทำให้เราสามารถเข้าใจในปฏิปทาของท่านได้เป็นอย่างดี
  ---ปี ๘๓ (ค.ศ.๑๙๙๔) เดือน ๘ วันที่ ๒๘ (จันทรคติ) วันนี้เป็นวันศุภฤกษ์ และประจวบกับเป็นวันประสูติครบรอบร้อยปีของท่านซือหมู่ ที่ผูหลี่ได้จัดงานไว้อาลัยเป็นเวลา ๓ วัน สาธุชนที่มาชุมนุมก็มีจำนวนมากถึงหมื่นกว่าคน ด้วยพระบารมีอันเกรียงไกรที่ปกแผ่ของท่านซือจุนซือหมู่ ในบัดนี้ก็มีจำนวนอาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรมมากถึง ๑,๓๐๐ กว่าท่าน งานธรรมในแต่ละแห่งหนล้วนเจริญรุดหน้า สถานธรรมใหญ่ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ ก็มีจำนวนมากถึง ๗๐ กว่าแห่ง ที่ต่างแดนก็มีจำนวนถึง ๑๐ กว่าแห่ง  ส่วนประเทศที่มีธรรมะบุกเบิกเผยแพร่ก็มี ญี่ปุ่น เกาหลี มาเลเซีย สิงคโปร์ ไทย ฟิลิปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม ฮ่องกง มาเก๊า เนปาล กัมพูชา อเมริกา แคนาดา เม็กซิโก นิวซีแลนด์ ออสเตรีย ฝรั่งเศส แอฟริกาใต้ ...มหาธรรม ณ บัดนี้ถือว่าได้กำจายไปยังทั่วทุกมุมโลกแล้ว

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
     การคัดตอนในเบื้องต้น มาตรว่าจะดูฟั่นเฝือ แต่เกร็ดเล็กน้อยเหล่านี้ก็ล้วนมีความล้ำค่าอย่างสุดประมาณได้ จึงอาศัยข้อมูลอันแท้จริงกับบุญวาระอันหายากเหล่านี้  หนึ่งคือสามารถให้เราได้เข้าใจการบุกเบิกธรรมของท่านเหล่าเฉียนเหริน ประวัติการทำงานของท่านเหล่าเฉียนเหริน  ส่วนอีกหนึ่งคือ ช่วยให้เราได้เข้าใจถึงความจริงใจอันพิศุทธิ์ และบารมีอันสุขุมของท่านจากบันทึกอันเรียบง่ายแลจริงใจได้อีกระดับหนึ่ง และระยะเวลาหลายสิบปีมานี้ ในใจของท่านมีแต่พะวงห่วงใยถึงงานธรรมว่าจะเจริญรุดหน้าหรือไม่ พุทธบุตรคนเดิมได้ขึ้นฝั่งเป็นจำนวนมากเท่าไร กิจทั้งหมดที่ชอบด้วยพระเจตนาของฟ้าหรือไม่ ได้ผิดต่อพระเมตตาของสิ่งศักดฺ์สิทธิ์หรือไม่ และจากเกร็ดบันทึกอันทรงคุณค่าเหล่านี้ พวกเราก็สามารถเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ว่า ฟ้าเบื้องบนได้ทรงฝังรากหยั่งลึกลงไปในจิตใจของท่านเหล่าเฉียนเหรินอย่างแน่นหนา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องน้อย ทางธรรมหรือทางโลก ในทุกขณะเวลา ท่านจะสำนึกถึงความวิเศษสุดพรรณนาของพระโองการสวรรค์แห่งพระวิสุทธิอาจารย์อยู่เสมอ อีกยังสำนึกในพระคุณแห่งการพิทักษ์รักษาของเบื้องบนอยู่มิเคยขาดรอน
    ด้วยใจฟ้าที่ประทับเบื้องนภา จิตศรัทธาที่นิตย์แทนคุณฉะนี้ ไม่เพียงแต่ ได้สะท้อนถึงสัมพันธภาพอันแน่นแฟ้นระหว่างท่านกับเบื้องบนเท่านั้น หากยังมีความกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวจนมิอาจแยกออกจากกันได้ หากไม่มีความศรัทธาจริงใจเต็มเปี่ยมย่อมมิอาจสัมผัสรับรู้ได้ และสิ่งนี้ก็เป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับศิษย์อนุตตรธรรมที่ได้บำเพ็ญปฏิบัติในงานยุคท้าย โดยจริยวัตรของท่านก็เป็นแบบอย่างแห่งธรรมจริยาอันดีที่สุดของเรา
    อันว่า "หนึ่งจุดแห่งพระวิสุทธิอาจารย์ ในบัดดลนั้นแลใช่"  และขณะจิตบัดดลที่ว่านี้ ก็คือห้วงดำริแห่งฟ้า หัวใจของพระพุทธจริยาของท่านเหล่าเฉียนเหรินหรือก็คือ มโนธรรมสำนึกอันวิสุทธิ์อสังขตา  ที่ปราศจากมลภาวะแห่งจิตมนุษย์ หรือก็คือ ความยำเกรง ความเชื่อมั่น ความมั่นคงของท่านที่มีต่อพระโองการสวรรค์แห่งพระวิสุทธิอาจารย์อย่างบริบูรณ์  อีกเป็นความสำนึกตรึกแทนคุณต่อพระคุณฟ้าบารมีอาจารย์อย่างไร้สิ่งใดที่จะพรรณนา ซึ่งได้ฝังรากหยั่งลึกในทุกอณูวิญญาณ ซึมซาบกลมกลืนอยู่ในทุกหน่วยชีวิต แลแปรเป็นพลังชีวา พลังผลักดัน พลังความรับผิดชอบ แลพลังใจอันเหนียวแน่น จนส่งผลให้ท่านมีความเป็นประหนึ่งพระพุทธา ที่ยินยอมแบกคอนภาระแห่งความทุกข์ยากของมวลมนุษย์ แลภาระความรับผิดชอบที่มีต่อเวไนยนิกร จนประสานเป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าอย่างบริบูรณ์ ให้พุทธะประยูรทั้งเก้าหกได้มีประทีปใจอันสว่างไสว จนบรรลุงานสามโลก ที่มิเคยมีปรากฏแต่บุพกาลเป็นต้นมาในขั้นไพบูลย์ได้ และด้วยเช่นนี้ ที่ท่านได้อาศัยจริยวัตรอันยิ่งใหญ่ จิตแทนคุณอันแกร่งกล้า ปฏิปทาที่มุ่งเสียสละอย่างเต็มแรง ท่านจึงได้ตัดสินใจเผาผลาญตน ทุ่มเทอุทิศทุกสิ่ง และมุ่งทำทุกอย่างที่ท่านเห็นว่าจะเกิดคุณูปการต่อมวลเวไนย์ ด้วยเวลาแห่งการตรากตรำหนักถึง ๕๐ - ๖๐ ปี ด้วยแรงปณิธานที่ไม่เคยลดละตราบจนพลังชีวิตของท่านได้เผาผลาญจนริบหรี่และดับวูบลงในที่สุด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26/11/2010, 13:47 โดย jariya1204 »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม

       และก็ด้วยหนึ่งจิตที่กลมกลืนต่อฟ้าเช่นนี้ ดังนั้นในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นชั้นเรียน ธรรมกิจ หรืองานธุระต่าง ๆ เราก็มักจะได้ยินท่านกล่าวอยู่เสมอว่า "ทั้งหมดล้วนเพราะพระมหากรุณาธิคุณแห่งเบื้องฟ้าพระบารมีแห่งพระวิสุทธิ์อาจารย์ทั้งสิ้น"  "นี่ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จักทำได้เลยนะ" "ข้าพเจ้าล้วนฟังแต่ฟ้าเบื้องบนทั้งสิ้น"  "ที่พูดนี้ล้วนเป็นพระโอวาทของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิ้น"  "คำเหล่านี้ล้วนเป็นพระดอวาทของพระอาจารย์จี้กงทั้งสิ้น"  พระโองการสวรรค์แห่งพระวิสุทธิอาจารย์นั้นวิเศษสุดคณนาจริง ๆ "  สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้กล่าวไว้ก่อนแล้วว่า ไม่นานธรรมะจะแพร่หลายไปทั่วโลก โดยมากจะอุบัติเป็นเพศหญิง บัดนี้ล้วนเป็นจริงทั้งสิ้น หากไม่เชื่อ พวกเธอก็ลองไปดู ๆ ยังทุกที่ก็ได้"...
     คำพูดในลักษณะนี้ล้วนมีปรากฏอย่างมิอาจยกมาได้หมด และที่ประเสริฐที่สุดก็คือ ในใจของท่านได้ตระหนักอยู่เสมอว่า "งานใหญ่แห่งสหัสโลกธาตุ มีพระแม่องค์ธรรมทรงเป็นประธาน" มนุษย์มิอาจกำหนดและก็มีเพียงเทพคนได้ร่วมกันเป็นหนึ่งใจ จึงจะสามารถเก็บงานขั้นสมบูรณ์และจึงจะถือว่าเป็นลิขิตของสวรรค์ได้  นอกจากการละลืมอัตตา และการเทิดคุณความดีให้แด่ฟ้าอยู่เสมออันเป็นมหาบารมีของท่านอยู่แล้ว สำหรับความสำนึกพระคุณ ความเคารพนบนอบที่มีต่อฟ้าเบื้องบนนั้นก็ถือว่าเป็นปัญญาอันสุขุมบารมีอันเกรียงไกรอย่างแท้จริง โดยท่านได้ตระหนักชัดซึ่งความจริงแห่งฟ้าและคนเดิมคือหนึ่งได้เป็นอย่างดี จึงเห็นได้ว่าท่านเหล่าเฉียนเหริน ได้มีทัศนคติที่มีต่อธรรมอันลึกซึ้งแยบคลายเป็นอย่างยิ่ง สำหรับท่านที่มีฐานะเป็นผู้นำแห่งธรรมแล้วจุดนี้ก็ถือว่าเป็นสิ่งอันสำคัญยิ่ง มิเช่นนั้นหากพลาดที่ต้นแม้เพียงนิดเดียวปลายจะพลาดผิดไปอย่างใหญ่หลวง ซึ่งที่สุดก็จะกลายเป็นเพียงคนตาบอดที่พาคนให้เดินหลงทางจนทำให้เป้าหมายของทุกคนต้องพลาดจากหนทางแห่งนิพพาน ส่งผลให้พลาดจากการตื่นแจ้งกลับคืนสู่มโนธรรมจิตพุทธะได้ หากเป็นเช่นนี้จะมิเป็นการน่าเสียดายและน่าเสียใจดอกหรือ
      ฉะนั้น ท่านเหล่าเฉียนเหริน จึงให้ความสำคัญต่อบทพระโอวาทเป็นอย่างยิ่ง พระโอวาทที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประทานให้ในแต่ละปี ที่ฝูซันก็จะทำการรวบรวม เข้าเล่ม หรือกระทั่งจัดทำเป็นชุดสะสมอย่างปราณีตบรรจง ดังนั้ ชุดพระโอวาท ปกรณ์คัมภีร์ และหนังสือต่าง ๆ ที่ได้ถูกเก็บสะสมในหอบรรณาคารก็มีจำนวนมากเป็นอันดับหนึ่ง และเมื่อใดที่ท่านว่าง ท่านก็มักจะน้อมอ่านและทำความเข้าใจในบทพระโอวาทอยู่เสมอ นั่นก็เพราะพระโอวาทนั้นเป็นข่าวสารที่ฟ้าเบื้องบนทรงประทานให้โดยพระโอวาทเหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องชี้ทางอันอำไพที่จะนำพาปวงเวไนยฯให้บำเพ็ญกลับคืนสู่เบื้องบน ถ่ายทอดสัจธรรมอันยืนยงแห่งดินฟ้า และเป็นบันไดสวรรค์ที่จะนำพาสรรพสัตว์พ้นจากความลุ่มหลงสู่ความรู้แจ้งทั้งสิ้น
      ดังนั้นในการศึกษาธรรมะโดยทั่วไป ท่านจึงยังยืนกรานอย่างเด็ดเดี่ยวว่าจะต้องใช้พระโอวาทของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นเนื้อหา อย่างเช่นพระโอวาทพระอนุตตรธรรมมารดาสิบบัญญัติ สัตบถ (ทางที่ถูก) นำสู่มาตุภูมิ สายทองเส้นหนึ่ง บทธรรมวิวรณ์แห่งพระบรรพจารย์จินกง แจ้งจริงวิถีเซียน วิสัชนาธรรมไขกังขาต่าง ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นพระโอวาทที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทรงประทานเพื่อเผยสัจธรรมแห่งจักรวาล และโฉมแท้แห่งฟ้าดินทั้งสิ้น ส่วนในด้านพุทธระเบียบ ท่านให้ยึดเฉพาะพุทธระเบียบเฉพาะกาลที่ท่านซือจุนทรงบัญญัติไว้เป็นสรณะ แต่เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ล่ะ แท้ที่จริงท่านเป็นผู้หนักแน่นและยึดมั่นในหลักการ เพราะท่านได้ตระหนักถึงปัญญาอันเมตตาของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างดีว่าทั้งหมดล้วนต้องเริ่มจากรากฐานเพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจถึงข่าวสารอันจริงแท้ของจักรวาล แลให้รู้จักนำพาตนให้หลุดพ้นจากความทุกข์แห่งชีวิต และก็มีเพียงให้ทุก ๆ คน ได้หยั่งรากลึกสู่ปัญญาบารมีภายในเท่านั้น จึงทำให้รากฐานแข็งแกร่งและหยัดยืนในธรรมะได้อย่างมั่นคง จนที่สุดคือได้กลับคืนสู่เบื้องบน แลฉุดช่วยโลกหล้าได้อย่างแท้จริง แต่สำหรับความรู้สมัยใหม่แห่งวิทยาการตะวันตกหลายอย่างก็มักจะเลื่อนลอยไร้แก่นสาร อีกมิใช่เป็นศาสตร์แท้ที่ใช้ปลดปล่อยแก้ไขปัญหาชีวิต ยกระดับจิตวิญญาณแห่งมวลมนุษย์ นำพาชาวโลกสู่มหาวิถีแห่งนิพพานได้อย่างแท้จริง

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
        ดังนั้นความร้อนใจและความห่วงใยของท่านคือ เกรงเพียงแต่ว่าเราจะเดินผิดทางจนมิอาจกลับคืนสู่เบื้องบน มิอาจรู้ตื่นเพื่อหยั่งรากธรรม มิอาจถ่องแท้ในมหาวิถีแห่งนิพพานว่าโดยแท้จริงแล้วก็คือเพียง ตรงนี้ (หนึ่งจุดแห่งพระวิสุทธิ์อาจารย์)  ผู้บำเพ็ญธรรมนับแต่จำเนียรกาลเป็นต้นมา สามารถสำเร็จบรรลุได้ก็ด้วยเอกธรรมที่ตรงนี้ และด้วยท่านได้เห็นวัยรุ่นในสมัยนี้ต่างหลงใหลแต่ความสนุกสนาน ไขว่คว้าอยู่แต่เพียงลาถยศสรรเสริญจนมิอาจรู้ถึงความจริงแท้แห่งตน และเอาแต่เทิดทูนความรู้วิทยาศาสตร์สมัยใหม่ โดยไม่เข้าใจซึ่งพิทยาความรู้แต่โบราณที่มีมา ฉะนั้น ท่านจึงมิอาจอดใจและป่าวร้องอย่างเมตตาอยู่เสมอว่า "เปิดชั้นศึกษาธรรมอะไรกัน ! เอาแต่ตั้งหัวข้อประหลาด ๆ กันทั้งนั้น" หากคนที่ไม่เข้าใจก็มักจะเข้าใจว่าท่านเป็นคนอนุรักษ์นิยม ไม่ยอมเข้าใจเหตุผล คนหนุ่มคนสาวในสมัยนี้ไม่เหมือนคนในอดีตหรอก หากจะส่งเสริมโดยมิใช้กุศโลบายที่แปลกใหม่บ้าง ผู้คนจะเกิดความเบื่อหน่ายโดยง่าย
      แต่แท้จริงพวกเขาหารู้ไม่ว่า มโนธรรมสำนึกแลจิตธรรมแต่เดิมของทุกคนต่างมีอยู่พร้อม หากว่าได้รู้แจ้งถ่องแท้ในมหาธรรม แล้วนำซึมซาบกำจายสู่ห้วงหัวใจ นำเจียระไนชี้ทางอย่างชำนาญ ฉะนี้แล้ว พระโอวาททุกถ้อยคำของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ล้วนเป็นสัจธรรมที่ประเสริฐสุด ทุกถ้อยกถาก็ล้วนเป็นเครื่องชี้ทางกลับรากเิดิมอันดีเลิศ ดังนั้น หากนำสิ่งเหล่านี้มาปลุกตื่นมโนธรรมแห่งปวงชนความจริงก็เพียงพออย่างเหลือล้นแล้ว และถ้ายิ่งบวกกับการนำปฏิบัติด้วยตัวเองอย่างกระตือรือร้น สำแดงธรรมด้วยตนเองอย่างตั้งอกตั้งใจ อีกทั้งประทับดวงกมลด้วยความศรัทธาจริงด้วยแล้ว ใจฟ้าก็จะประทับตรึงตรา มโนธรรมก็จะตื่นฟื้นคืนจากความหลงใหล หนึ่งจุดสว่างไสวอำไพ ในบัดดลนั้นก็คือพระพุทธา หากเป็นเช่นนี้แล้ว ไยยังต้องกังวลว่าจะมิอาจสำเร็จกลับคืนสู่เบื้องบนด้วยเล่าเพียงจิตหนึ่งนั้นบัดดลก็อยู่นิพพานแล ! สัจธรรมแห่งอนุตตรวิถีจักมีนอกเหนือไปจากนี้ได้ฤา
     วิธีการบำเพ็ญอันล้ำเลิศเรียบง่ายเช่นนี้ยังจะมีแบบอื่นใดเหนือกว่านี้ไหม ทั้งหมดนี้เป็นจักษุปัญญาอันแจ่มพินิจล่วงรู้ด้วยลึกซึ้งของท่านโดยแท้ โดยเฉพาะการผ่านความลำเค็ญในชีวิต จึงจะทำให้เข้าใจในความหมายของสัจธรรมแห่งชีวิตและยังผลให้เกิดความวิริยะในการบำเพ็ญ ออกฉุดช่วยผู้คนให้พ้นจากความทุกข์เข็ญ ให้ต่างตระหนักถึงความสำคัญของอริยภาพภายใน ศักดานุภาพภายนอก อันเป็นเอกธรรมแห่งการกลับคืนสู่เบื้องบน
     อนึ่ง วิธีการของท่านเหล่าเฉียนเหรินนั้นเป็นการเริ่มต้นทำจากรากฐาน ซึ่งเป็นวิธีการที่ทั้งถูกต้องแลเจิดจรัส นั่นเพราะฟ้าเป็นผู้ทรงปัญญาอย่างที่สุดเป็นผู้ทรงพระเมตตากรุณาอย่างยิ่งใหญ่ เป็นผู้ทรงถ่องแท้แจ้งชัดต่อทุกสิ่งอย่างยากมีผู้ใดเสมอเหมือน จึงมิไยต้องกล่าวถึงสุภาษิตโบราณที่กล่าวว่า"ตามฟ้าเกิด ขัดฟ้าม้วย" อีกแต่อย่างใดเลย
     ทุก ๆ คนมุ่งแต่ไขว่คว้าอยู่ในความสุข ความสมใจ โดยหาได้รู้ซึ่งสัจธรรมข้อนี้เลย ไม่ว่า ดั่งใจ ดั้งใจ คนต่างมีใจ เราก็มีใจ สอดคล้องใจเขา หาใช่ใจเรา สอดคล้องใจเรา หาใช่ใจเขา ใจเขาใจเรา หาใช่ใจฟ้า สอดคล้องใจฟ้า แน่นอน สมหวังดั่งใจ
     ทุกคนไม่เพียงแต่ไม่เข้าใจ หากยังไปผูกมัดตัวเองอย่างแน่นหนา จนที่สุดก็มีแต่กลวงโหว่ไร้แก่นสาร ลุ่มหลง มอมเมาจนต้องผูกตนติดอยู่กับกับดับของตนไปในที่สุด แต่สำหรับท่านเหล่าเฉียนเหรินนั้น ท่านเป็นธรรมธาดาที่ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับเผ่นฟ้า ท่านได้ประจักษ์ถึงศาสตร์แท้เพียงหนึ่งเดียวในโลกนี้ดีว่า โดยแท้แล้วก็คือการผสานกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวระหว่างคนกับฟ้า ซึ่งเป็นวรปัญญาที่สูงสุดในสากลจักรวาล
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27/11/2010, 05:49 โดย jariya1204 »

Tags: