collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ข้อเตือนใจ คุกสวรรค์  (อ่าน 44767 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
คุกปลูกต้นไม้

         คุกปลูกต้นไม้ คนที่รับโทษทัณฑ์อยู่ในคุกนี้ ในมือของแต่ละคนต้องมีต้นกล้ากันคนละหนึ่งต้น คนที่จิตใจ
ไม่ดีงามต้นกล้านั้นก็จะเติบโตขึ้นและมีหนามงอกออกมาทิ่มตำมือของตัวเอง เวลาถูกเคี่ยวกรำทุกคนต้องใช้หลั่ว
ขุดดินแข็ง ๆ แล้วจึงปลูกต้นกล้านั้นไปในดิน ซึ่งต้องเหนื่อยยากลำบากมาก ๆ บางครั้งต้นกล้าไม่สามารถอยู่รอดได้
ก็ต้องปลูกกันใหม่ ฉะนั้นหากบาปกรรมไม่ชำระล้างให้หมดสิ้น ต้นกล้าก็จะผุดขึ้นในมือของตัวเองตลอดไปปลูกลงไป
ต้นแล้วต้นเล่าไม่มีวันสิ้นสุด ถ้ามีคนขี้เกียจจะทำอย่างไร ? ก็จะมีทหารฟ้าขุขพลสวรรค์คอยขนาบอยู่เคียงข้าง ถ้าเห็นว่า
ขี้เกียรติก็จะถูกตี อย่างนี้เข้าใจหรือไม่ ? คนเหล่านี้ทำผิดอะไรหรือ ? ตัวเป็นถึงนักธรรมอาวุโส แต่กลับลำเอียงเห็นแก่ตัว
ส่งเสริมนักธรรมผู้น้อยอย่างไม่ยุติธรรม มอบหมายพระโองการณ์สวรรคให้ผู้อื่นไปอย่างลวก ๆ ใช้ความสัมพันธ์ส่วนบุคคล
มาบำเพ็ญธรรม อย่างนี้เข้าใจหรือเปล่า ? บางคนถึงกับหน่วงเหนี่ยวแช่แข็งบุคคลากรที่มีคุณธรรมความสามารถ อีกทั้ง
ยังทดสอบให้บุคคลากรเหล่านั้นต้องตกหล่นไป ทำให้คนเหล่านั้นคิดว่า วิถีอนุตตรธรรมเป็นการบำเพ็ญโดยอาศัย
ความสัมพันธ์ของคน และไม่ได้อาศัยหลักธรรมของฟ้า พอเห็นใครมีเงินหรือมีฐานะก็ยกระดับให้เขาคนนั้น ได้รับ
พระโองการณ์สวรรค์เป็นเตี่ยนฉวนซือ ขณะที่ยังอยู่บนโลก จะมีผิดบาปหรือไม่นั้น พวกเจ้าอาจจะมองกันไม่ออก
แต่เมื่อกลับคืนเบื้องบนไปแล้ว ก็จะรู้กันเอง

คุกสร้างบ้าน

          คุกสร้างบ้าน ถันจู่บางคนตั้งสถานธรรมที่บ้าน แต่กลับกลัวว่าคนอื่นจะมารบกวน จึงปฏิบัติต่อญาติธรรม
อย่างขอไปที เย็นชาเมินเฉย หรือให้การต้อนรับอย่างไม่เต็มใจ กราบไหว้พระไปได้ไม่นานเท่าไร ก็คิดว่าไม่มี
อะไรแปลกใหม่ จึงหาข้ออ้างและเหตุผลต่าง ๆ นานา เช่นว่าต้องย้ายบ้าน ต้องต่อเติมบ้าน ฯลฯล แล้วก็เก็บ
สถานธรรมไม่ไหว้อีก ที่กล่าวมานี้ล้วนมีความผิกบาปทั้งสิ้น
          ผิดบาปข้อหาอะไรรู้ไหม ? เนื่องจากได้ตั้งปณิธานแล้วแต่หลอกลวงเบื้องบนพวกเจ้าได้กระทำผิด --
อย่างนี้กันหรือเปล่า ? กลัวว่าจะมีญาติธรรมไปสถานธรรมที่บ้านหรือเปล่า ? หรือกราบไหว้พระจนไม่อยากกราบ
ไหว้อีกแล้วหรือเปล่า  ตรงนี้ต้องระมัดระวังที่คุกนี้เวลาถูกลงโทษทัณฑ์จะต้องปลูกสร้างบ้านไปเรื่อย ๆ มีวุสดุ
ก่อสร้างมากมายหลากหลายรูปแบบ ปลูกสร้างไปจนกว่าบาปกรรมจะสิันสุด หากจิตใจไม่สงบ กำแพงที่สร้าง
ก็จะทลายลงมา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 9/08/2010, 14:01 โดย jariya1204 »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
คุกจอบเหล็ก

         คุกจอบเหล็ก  คนที่อยู่ในคุกนี้จะมีจอบเหล็กคนละอ้นเหมือนกับการขุดถนนขุดไปเรื่อย ๆ ไม่มีวันหยุด
ใช้แรงงานไปเรื่อย ๆ เพราะคนประเภทนี้ชอบหาโอกาสเอารัดเอาเปรียบคนอื่น คนอื่นเป็นเจี่ยงซือเขาก็เป็น
เจี่ยงซือด้วย คนอื่นรับพระโองการณ์สวรรค์  เป็นเตี่ยนฉวนซือ เขาก็เป็นเตี่ยนฉวนซือเหมือนกัน แต่เวลาที่คนอื่น
ทุ่มเทปฏิบัติงานธรรมด้วยความลำบาก กลับเมินเฉยอยู่ข้าง ๆ เก่งแต่ปากคอยแต่ชี้โน่นชี้นี่ หลงคิดว่าตัวเองมีบุญ
กุศลมากมายกว่าคนอื่น ลำบากลำบนกว่าคนอื่น คนประเภทนี้มีผิดบาปเพราะแต่จะพึ่ง "ปาก" สร้างบุญ อย่างนี้มัก
กระทำผิดได้ง่าย ๆ การบำเพ็ญธรรมต้องทำออกมาให้คนอื่นเห็น ไม่ใช่สักแต่พูดแล้วจะบรรลุธรรมได้ ด้วยสาเหตุ
ที่คนเหล่านี้ไม่ได้ทุ่มเทลงแรงในโลก ดังนั้นเมื่อกลับคืนไปจึงต้องให้ใช้แรงงาน เพราะที่ผ่านมาเขาได้แต่อาศัยรัศมี
บารมีของส่วนรวม อย่างนี้เข้าใจไหม ? บำเพ็ญธรรมจะทำอย่างนี้ไม่ได้เด็ดขาด

คุกผุกมัดกาย

         คุกผูกมัดกาย ผู้ที่รับโทษทัณฑ์ในคุกนี้ ตอนอยู่บนโลกสามารถละวางเยื่อใยพันธนาการทางโลกได้ แต่กลับ
ไม่ยอมทำ ยังอาลัยอาวรณ์ ภรรยา สามี บุตร ธิดา หรือหน้าที่การงาน ฯลฯ แม้ว่าตัวเองจะเป็นเตี่ยนฉวนซือก็ตาม
แต่ยังโลภโมโทสันอยู่กับเรื่องทรัพย์สินเงินทอง ไม่ยอมที่จะบำเพ็ญพรหมจรรย์ ไม่ยอมที่จะสละอุทิศทั้งหมด ที่จริง
ก็เป็นถึงนักธรรมอาวุโสที่มีตำแหน่งสูงแล้วแต่เป็นเพราะเยื่อใยสัมพันธ์ทางโลกยังไม่ได้ละวางลง คนที่เป็นแบบนี้
ก็จะต้องมายังคุกแห่งนี้
         นอกจากนี้ยังมีคนอีกประเภทหนึ่งที่ได้ตั้งปณิธานกินเจแล้ว ได้ตั้งปณิธานบำเพ็ญพรหมจรรย์แล้ว แต่ความคิด
ยังไม่ถูกต้องดีงาม ความคิดจิตใจขยับหวั่นไหวตลอดเวลา คนเหล่านี้ก็จะต้องถูกผูกมัดพันธนาการอยู่ในถ้ำแห่งนี้
หากไม่มีความคิดจิตใจฟุ้งซ่านอย่างนั้นอีก และจิตใจสามารถสงบลงมาได้แล้วละก็  เชือกเส้นนั้นก็จะค่อย ๆ คลายตัว
ไม่มัดแน่นอีก ก็จะไม่ค่อยเจ็บปวดนัก แต่ในทางกลับกัน หากยังตัดพ้อต่อว่า หากยังมีความแค้นเคืองเชือกก็จะยิ่ง
ผูกมัดแน่นขึ้น อย่างนี้เข้าใจกันหรือไม่ ?
        เนื่องจากตอนอยู่บนโลก ทั้งกายทั้งใจผูกมัดพันธนาการ เมื่อกลับคืนไปแล้ว ก็ย่อมต้องผูกมัดด้วยตัวของตัวเอง
ดังนั้นพวกเจ้าจึงต้องวางให้ลงปลงให้ตก อย่าได้เน้นหนักทางโลก แต่กลับบางเบาทางธรรม หรือเห็นความสำคัญ
ของทางโลกมากกว่าความสำคัญของทางธรรม หากเจ้าสามารถพูดบรรยายธรรมะได้และยังฉุดช่วยนำคนอื่นไปด้วย
ก็จงอย่ารีรอชักช้าอยู่แต่ที่บ้าน อย่าได้เกียจคร้านปล่อยเวลาให้ผ่านไป อย่างนี้พวกเจ้าเข้าใจกันไหม ?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 9/08/2010, 14:03 โดย jariya1204 »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม

คุกโซ่ตรวเหล็ก

          คุกโซ่ตรวนเหล็ก  ผู้ที่อยู่ในคุกนี้ เป็นผู้ที่มีความอิจฉาริษยาความรู้ความสามารถของคนอื่น ไม่ตั้งใจบาำเพ็ญ
อย่างจริงจัง ชอบพูดนินทาว่าร้ายคนอื่น ชอบพูดให้ร้ายคนลับหลัง ทำงานอะไรก็ไม่เสมอต้นเสมอปลาย มีต้นแต่ไร้
ปลาย ทำงานแบบลวกหยาบส่งเดชไม่มีผลงาน ทำแล้วเลิกล้มละทิ้งกลางคัน ต้องให้คนอื่นมาเก็บงานตามหลัง
ทำอะไรก็ไม่จริงใจจึงเป็นเหตุให้เกิดความวุ่นวายทั่วอาณาจักรธรรม หรือประเภทมือไม่พายแต่เอาเท้าราน้ำ คนอื่น
บำเพ็ญดีมีคุณธรรมแต่ตัวเองคอยให้ร้ายใส่ร้ายป้ายสี ทำให้คนอื่นเสื่อมเสียชื่อเสียง
         คนประเภทนี้ก็ต้องถูกจับกักขังอยู่ที่คุกนี้ และถูกลงโทษโดยมีโซ่ตรวนเหล็กผูกล่าม และยังมีลูกกลมเหล็ก
ผูกติดไว้ด้วยหลังจากนั้นแต่ละคนต้องแบกกระสอบป่านของตัวเองเอาไว้ ตอนยังมีชีวิตอยู่ก่อบาปสร้างกรรมไว้ขนาด
ใหนพูดเอาไว้มากน้อยเท่าไหร่ และมีความผิดพลาดอยู่สักกี่มากน้อย ก็จะบรรจุเอาไว้ในกระสอบป่านใบนั้นทั้งสิ้น
ตัวเองจึงต้องจบสิ้นด้วยตัวเอง

คุกตามืดบอด

        คุกตามืดบอด ผู้ที่อยุ่ในคุกนี้เป็นผุ้ที่คลางแคลงสงสัยในหลักธรรมคำภีร์ของศาสนาทั้งห้า ยโสโอหัง มองข้าม
ทุกสิ่งทุกอย่างไปหมด คลางแคลงสงสัยในพระโอวาทสิ่งศักดิ์สิทธิ์ วิพากษ์วิจารณ์พระธรรมคัมภีร์ วิพากษ์วิจารณ์
คุณธรรมบารมีของนักธรรมอาวุโส วิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมคำพูดของนักธรรมอาวุโส คนอย่างนี้จึงเย่อหยิ่งยโส
วางท่าเขื่องใหญ่โตอวดดื้อถึอดี ที่จริงแล้วตนเองไม่มีความรู้ความสามารถใด ๆ  แต่กลับสร้างแนวคิดที่แปลกใหม่
แหวกแนวออกนอกลู่นอกทาง ทีความคิดใหม่ ๆ ที่ไม่สอดคล้องกับหลักธรรม จะเป็นคนที่ชอบทำอะไรแบบแปลก ๆ
แหวกแนวออกไป ทำให้ผู้อื่นลุ่มหลง ชอบอวดภูมิธรรมทฤษฏีของตนเอง คิดว่าตนเองแน่กว่าคนอื่น เก่งกว่าคนอื่น
จึงดูหมิ่นถิ่นแคลนพระธรรมคัมภีร์ในศาสนาทั้งห้า สงสัยและไม่เขื่อในการดำรงอยู่ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และยิ่งกว่านั้น
คือคลางแคลงสงสัยต่อระดับจิตของอริยะปราชญ์เมธี คนประเภทนี้จึงต้องรับโทษอยู่ที่คุกตามีดบอด
        คุกนี้ใหญ่โตถึงหนึ่งแสนแปดพันลี้ เมื่อผู้ที่จะต้องมารับโทษที่ได้เข้าไปข้งในแล้ว ดวงตาก็จะมองไม่เห็น
เหมือนคนตาบอดเดินอยู่บนทางขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อ และยังมีสัตว์ที่ดุร้ายคอยขบกัด ไฟที่ร้อนแรงแผดเผา
ยังมีหน้าผา เหวลึก น้ำที่ไหลอย่างเชี่ยวกรากมีป่าดงดิบรกทึบ ทุกแห่งทุกหนมีแต่ขวากหนามแหลมคม แถมยัง
มีหนอนพิษแมลงพิษคอยกัดต่อย และมังกรพิษคอยพ่นพิษใส่ ฯลฯและอื่น ๆ ที่น่ากลัวอีกมากมาย เมื่อได้เข้ามา
อยู่ในวังวนนี้แล้ว ได้แต่ใช้มือคลำหาทาง จนกว่าบาปกรรมของตนเองจะหมดสิ้นไป ดวงตาก็จะมองเห็นได้อีก
ครั้งหนึ่ง และสามารถเดินตามแสงสว่างออกมาจากวังวนขนาดหนึ่งแสนแปดหมื่อลี้นี้ได้

คุกหว่านเพาะเมล็ด

          คุกหว่านเพาะเมล็ด  คนที่ต้องมาอยู่ในคุกนี้ เป็นผู้ได้รับธรรมะแล้วและยังกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์อีก
มากมาย พระเยซูก็กราบไหว้ เจ้าแม่ทับทิมก็กราบไหว้ พระโพธิสัตว์กวนอิมก็กราบไหว้ พระองค์กวนอูก็
กราบไหว้ และยังกราบไหว้องค๋อื่น ๆ อีกมากมาย ลัทธินิกายอีกมากมายหลายหลาก ก็เข้าไปกราบไหว้ด้วย
เข้าไปบำเพ็ญตามด้วย เหมือนกับเหยียบเรือหลายแคม โดยไม่กลัวว่าเรือจะคว่ำแล้วต้องจมน้ำตาย แบบนี้
ก็บำเพ็ญ แบบนั้นก็บำเพ็ญ หากได้ยินใครพูดว่า ที่นั่นที่นี่ดีมีอาจารย๋เก่งก็จะรีบไปติดตามบำเพ็ญอยู่กับสำนักนั้น
อาจารย์นั้นทันที บำเพ็ญไปได้ยังไม่นานเท่าไหร่ พอหมดความอยากแล้วก็เปลี่ยนบำเพ็ญกับคนอื่น ๆ ต่อไปอีก
ถ้าเห็นใครเข้าใจและคำนวณทายทัก เรื่องเหตุต้นผลกรรมได้ ก็ไปบำเพ็ญติดตามเขา เห็นใครปฏิบัติงาน
สามโลก ก็ไปปฏิบัติกับเขาด้วย เดิน ๆ ทำ ๆ ได้อยู่สองปีก็เบื่ออีกแล้วจิตใจก็ถดถอยไม่เอาอีก
        คนเหล่านี้บำเพ็ญธรรมแต่จิตใจไม่สงบมั่นคง ไม่เข้าใจหลักธรรมอันที่เป็นจริง ไม่บำเพ็ญปฏิบัติ
ด้วยความตั้งอกตั้งใจ ไม่ศรัทธาจริงใจต่อธรรมะเท่าที่ควร ไม่ได้เคารพเทิดทูนเบื้องบนกล้วแต่ว่าบำเพ็ญ
อนุตตรธรรมอย่างเดียว แล้วจะไม่ได้กลับคืนเบื้องบน คนเหล่านี้จะถูกจับให้มายังคุกแห่งนี้
แล้วต้องนำเมล็ดพันธุ์ไปหว่านโปรยต้องไปคราดไถพรวนดินเอาเอง ต้องไปรดน้ำ้เอาเอง
จนกว่าเมล็ดเหล่านั้นจะแตกหน่อ และเติบโตขึ้นจนกระทั่งออกดอกและตกผลในที่สุด
แต่ที่ทำอย่างนี้นั้นมันลำบากมาก เพราะเมล็ดพันธุ์ที่ได้หว่านโปรยไปนั้นไม่แน่นอนเสมอไปว่าจะเติบโตงอกงามได้
ก็จะต้องหว่านโปรยเมล็ดพันธุ์กันอยู่นั้นต้องไถกลบกันอยู่อย่างนี้ จนกระทั้งบาปกรรมมลายไปได้



ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
   พระโอวาทท่านผู้เฒ่าคุณฟ้า ( 3 )

หนึ่งใจนี้    ก่อเกิดซึ่ง    หนึ่งวิถี

วิถีมี         ก็ก่อเกิด      ทิฐิมั่น

เมื่อใจสูญ  วิถีนั้น          ย่อมสูญพลัน

ทิฐิมั่น       ย่อมสูญตาม  วิถีไป

    วันนี้ฉันจะได้พูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับคุกสวรรค์อีกครั้งหนึ่งทำไมถึงต้องเปิดเผยความลับของคุกสวรรค์ด้วยหล่ะ ?
นั่นเป็นเพราะผู้บำเพ็ญมากมายในปุจจุบัน ถึงแม้ว่าจะบำเพ็ญกันมานานแล้ว แต่ยังไม่เข้าใจแจ่มแจ้งในหลักธรรม
หรือยังไม่่เข้าใจชัดเจนต่อหนทางการบำเพ็ญมีทัศนคติความคิดที่ไม่ถุกต้องเที่ยงตรงอีกมากมายแล้จะกลับคืนสู่
เบื้องบนได้อย่างไร ? ผู้บำเพ็ญบางคนรู้แต่กินเจ รู้แต่บรรยายหลักธรรม รู้แต่ฉุดช่วยผู้คนแต่ทำไปอย่างโง่ ๆ เซ่อ ๆ
ฉุดช่วยกันไปถึงใหนกันหล่ะ ? หรือจะนำพาไปยังที่ใหนกัน ? เข้าใจเรื่องเหล่านี้กันหรือเปล่า ?ฉันเองจะค่อย ๆ
สาธยายให้ฟัง คุกสวรรค์ชั้นที่สามมีชื่อว่า ""ยอดวายุสีทอง""พวกเจ้าตั้งใจฟังกันให้ดี ๆ

ถ้ำมังกรร้าย

        เมื่อเห็นชื่อก็นึกไปถึงว่าเป็นสถานที่กักขังมังกรร้าย ทำไมจึงเรียกว่ามังกรร้าย ?แท้จริงแล้วมันไม่ใช่มังกร
การลงโทษที่คุกสวรรค์คือหนึ่งคนหนึ่งถ้ำพอดี ๆ ไม่ใหญ่ไม่เล็ก หนึ่งคนหนึ่งถ้ำนั่งอยู่ในนั้นเพื่อรับการลงโทษ
เคี่ยวกรำ ทำไมจึงต้องมานั่งเคี่ยวอยู่ในถ้ำนั้นหล่ะ่ ? เป็นเพราะเขามีบุญกุศล แต่ขณะเดียวกันก็มีผิดบาปด้วย เคย
ได้ยินกันมาบ้างหรือไม่ ? พวกเจ้าทำอะไรไป ไม่เพียงมีบุญกุศล แต่ก็มีผิดบาปติดตัวมาด้วย ?เป็นไปได้หรือไม่ว่า
คนดีสักคนหนึ่งในชาตินี้ชีวิตนี้ไม่เคยกระทำผิดบาปเลย?  แน่นอนว่าจะต้องมีผิดบาปกันบ้างไม่มากก็น้อยถูกต้อง
หรือไม่? ผู้บำเพ็ญที่ทุ่มเทใจในการบำเพ็ญ แต่ว่าเมื่อกลับคืนเบื้องบนไปแล้วจึงจะรู้อย่างชัดเจน
       "ถ้ำมังกรร้าย" นี้กักขังผู้บำเพ็ญอย่างที่จะกล่าวให้ฟังนี้เช่น ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่แม้ว่าจะเป็นนักธรรมอาวุโส
หรือเป็นเตี่ยนฉวนซือหรือเจี่ยงซือ เป็นเพราะต้องการจะพูดแต่ประวัติการบำเพ็ญของตนเอง หรือไม่ก็เพื่อความ
คิดเห็นของตนเองจึงเอาไปเปรียบเทียบถกเถียงแย่งชิงกับความคิดของผู้อื่น คิดว่าความคิดของตนเองถุกต้องและ
คิดว่าความคิดของตนเองจึงเป็นหลักสัจธรรมด้วยเหตุนี้จึงก่อให้เกิดเวทีประลองฝีมือขึ้น"ก่อให้เิกิดประลองฝีมือ"
มีความหมายอย่างไรรู้หรือไม่ ? นั่นเรียกว่าต่อสู้กันด้วยฝีปากกับปากกาอย่างไรหล่ะใช่หรือไม่ใช่ ?
       ในปัจจุบันมีอาณาจักรธรรมบางแห่ง ใช่หรือไม่ว่าได้ออกหนังสือมามากมาย? มีทั้งที่วิเคราะห์ความและ
ทั้งที่มีทัศนะแต่ละอย่างแต่ที่ว่าหนังสือแต่ละเล่มนั้น ได้วิเคราะห์หยิบยกประเด็นกันถูกต้องกันหรือเปล่า ?คำพูด
ความหมายในนั้นเป็นจริงหรือเปล่า ? พวกเจ้ายังไม่จำเป็นต้องแยกแยะ หากเป็นด้วยเหตุนี้แล้วก่อให้เกิดเวทีประลอง
ฝีมือนำพานักธรรมผู้น้อยผิดพลาดคลาดเคลื่อน คนที่เป็นอย่างนี้ เมื่อกลับคืนเบื้องบนแล้วย่อมได้รับการกักขังเคี่ยวกรำ
ในถ้ำมังกรร้ายแน่ ๆ
        นั่นคือ ขณะที่แต่ละคนกำลังนั่งสมาธิบำเพ็ญขัดเกลาอยู่ด้วยว่าความผิดพลาดบกพร่องของเขา ความผิดบาป
นั่นแหละจะชักนำให้เขาคิดเพ้อฝันไป เป็นเพราะนั่นคือ ความยึดมั่นถือมั่นของเขา ดังนั้นเขาจึงคิดเพ้ิอฝันไปเป็น
มังกรพิษ--มังกรร้าย มังกรที่ดีเหล่านี้จะมาโจมตีเขา หลังจากนั้นเป็นเพราะความเกี่ยวข้องจากการที่จิตใจของเขา
สั่นไหวทำให้วิญญาณของเขากลายเป็นมังกรตัวหนึ่ง ซึ่งจะต่อสู้ขบกัดและโจมตีเข้าใส่กันและกัน แท้จริงแล้วเมื่อเขา
กัดฝ่ายตรงข้ามหนึ่งครั้ง ก็เท่ากับกัดตนเองหนึ่งครั้งนั่นแหละ เพราะว่ามังกรฝ่ายตรงข้ามก็คือ รูปเงาของตนเองนั่นเอง
ฟังอน่างนี้เข้าใจหรือไม่ ?นั่นคือเงาภาพมายาที่เกิดจากใจ เมื่อกัดอย่างรุนแรงบาดแผลของตนก็จะหนักหนาสาหัส
แท้จริงแล้วที่อยากให้ผู้อื่นตายก่อน ที่สุดนั้นกลับเป็นตนเองนั่นแหละที่จะตายก่อน ฟังอย่างนี้เข้าใจหรือไม่ ?

        แล้วจะลบล้างมลายผิดบาปของเขาได้อย่างไร ?

       เป็นเพราะว่าบาปกรรมหรือความผิดพลาดนั้นสะสมมีขึ้น แบ่งเป็น ลึกซึ้ง กับ ตื้นเขิน  ความผิดพลาดมีใหญ่
มีเล็ก มีมาก มีน้อย ดังนั้นคนทุกคนหากว่าได้ละกายสังขารไปแล้ว แต่จิตวิญาณยังไม่สามารถสงบผ่องแผ้วได้
หากความผิดพลาดของเขามีอยู่เยอะมาก เมื่อเขากำลังนั่งสมาธิรับการเคี่ยวกรำอยุ๋อย่างนั้น จำนวนครั้งที่มายาภาพ
จะกลายเป็นมังกรพิษ --- มังกรร้าย ก็จะยิ่งมีมาก และก็ได้รับผลกระทบจากความนึกคิดของเขาเอง จำนวนครั้งก็
จะถูกกำหนดเป็นไปตามนี้

          แล้วจะำทำอย่างไรจึงจะออกจากถ้ำนี้ได้ ?

          ก็ต้องรอจนกว่าเขาจะกำจัดละทิ้งความยิดมั่นถือมั่น หรือความคิดฟุ้งซ่านสับสนเหล่านี้ให้หมดไป ไม่มีการ
โจมตีต่อสู้กันอีก ไม่เกิดความคิดในทางชั่วทางต่ำอีกจึงจะหยุด และออกจากถ้ำนี้ไปได้ ได้หลีกไกลไปจากคุกสวรรค์
และได้รับการประทานมรรคผลในที่สุด เข้าใจหรือไม่ ?
         
           เมื่อสักครู่ที่พูดถึง""ก่อเกิดเวทีประลองฝีมือ"" นั้นจริง ๆ แล้วพวกเจ้ายังไม่เข้าใจ คนในสมัยก่อนเรียน
วิทธยายุทธ มีการประลองกันบนเวที ที่จริงแล้วทำไมอนุตตรธรรมจึงต้องมีสิบแปดสายธรรมด้วย ? นั่นเป็นเพราะ
ในระยะแรกเริ่ม พระพุทธบรรพจารย์เทียนหยานรู้ว่า จีนแผ่นดินใหญ่จะตกอยู่ในกำมือของคอมมิวนิสต์ เมื่อพระ
อาจารย์ชายและพระอาจารย์หญิง รู้ถึงชะตากรรมเช่นนี้ กำหนดของฟ้าจึงได้จัดวางให้มีสิบแปดสายธรรมปฏิบัติ
กันขึ้นมา เพื่อเป็นที่ระลึกถึงพระบรรพจารย์เทียนหยาน ผู้เป็น ""พระบรรพจารย์สมัยที่ ๑๘""นั่นเองนั่นคือสิ่งแทน
ให้ระลึกถึง ที่จริงแล้วทั้งสิบแปดสายธรรมนั่นก็เป็นหนึ่งเดียวกัน จึงมีเจตนาเป็นหนึ่ง้ดียวกัน แต่ก็มีคนจำนวนมาก
ถึงแม้ว่าจะเป็นนักธรรมอาวุโสในวงการธรรม แต่เป็นเพราะคนเรายังตกอยู่ในอิทธพลของธาตุทั้งห้า จึงไม่รู้ถึเจตนา
ของเบื้องบน  คนที่ตกอยู่ในอิทธิพลของธาตุทั้งห้า  ใช่หรือไม่ว่ายังคงถุกธาตุทั้งห้าพันธนาการอยู่ ? ใช่หรือไม่ว่า
ปัญญายังไม่ถึงระดับชั้นของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ? หากว่าธาตุทั้งห้านั้นข่มเหงกัน มีสั้นมียาวใช่หรือไม่ว่าย่อมก่อให้เิกิด
ความยึดมั่นถือมั่นและความคิดสับสนฟุ้งซ่าน ?และก็ด้วยเหตุนี้ตนเองจึงผิดพลาดเอนเอียงในหลักธรรม เมื่อไม่อาจ
ผ่านการทดสอบจากฟ้าและคนได้ ก็ยึดมั่นยึดติดอยู่ว่าตนเองดีที่สุด จึงเกิดการประลองฝีมือกัน คิดเอาเองว่า
พระโองการณ์สวรรค์ที่อยู่กับตนเองนั้นจึงจะเป็นของจริง
         ที่จริงแล้วพระโองการณ์สวรรค์จะจริงหรือไม่จริงนั้น ยังคงต้องดูที่เบื้องบน ไม่ใช่ใช้ฝีปากมาถกเถียงแก่งแย่งกัน
ใช่หรือไม่ใ่ช่ ? หากว่าพระโองการณ์สวรรค์ที่มีรูปลักษณ์เป็นของจริง แล้วถ่ายทอดไปอยู่ในกำมือของคนชั่ว(มิจฉา)
ธรรมะนี้ย่อมถูกทำลายย่อยยับเป็นแน่ เพราะเหตุใดหรือ ?เพราะว่าเขาผู้นั้นย่อมทำเรื่องเลวทรามต่ำช้า ปฏิบัติต่อ
หลักธรรมความดีงาม ถึงแม้จะมีพระโองการณ์สวรรค์จริงคลุมครอบอยู่บนตัวเขาผู้นั้น แต่ว่าสิ่งที่เขาผู้นั้นได้กระทำ
มันผิดต่อหลักธรรมของฟ้า ผิดต่อพระโองการณ์สวรรค์ ผิดต่อที่เบื้องบนได้มอบหมายให้ ผิดต่อเจตนาของฟ้า และ
ผิดต่อปณิธานความตั้งใจของตน เขาเหล่านี้ถึงจะบอกว่าพระโองการณ์สวรรค์จริง ก็ย่อมกลายเป็นพระโองการณ์
สวรรค์ปลอมก็ได้
         ตั้งแต่อดีตเป็นต้นมาทั้งพุทธทั้งมารต่างก็มีพระโองการณ์สวรรค์  พุทธมีพระโองการณ์สวรรค์ในการ""ฉุดช่วย
ชาวโลก""ส่วนมารก็มีพระโองการณ์สวรรค์ในการ ""ทดสอบธรรมะ"" ในวันนี้พวกเจ้าอาศัยของปลอมบำเพ็ญของจริง
นั้นคือ กายคน ""คนจริง ตัวจริง"" ก็คือพุทธะ  ส่วน""คนปลอมตัวปลอม"" ก็คือมาร  หากพวกเจ้าผู้ที่จะเลือกเอา
หรือละทิ้ง เมื่อคนจริงตัวจริงปรากฏ ก็จะสามารถกำจัดละทิ้งอุปสรรคจากมารได้ จึงวางได้ลงปลงได้ตกในคนปลอม
ตัวปลอมนี้ได้  สิบแปดสายธรรมนั้น ก็เปรียบเหมือนอนุตตรธรรมให้กำเนิดลูกสิบแปดคน พวกเจ้าลองคิดดูว่าเป็นพี่
น้องกันจะทะเลาะวิวาทกันได้หรือ ? หากว่าเจ้าทะเลาะเบาะแว้งกับพี่น้องแท้ ๆ ของเจ้า พ่อแม่จะเสียใจเจ็บปวดใจ
หรือไม่ ? ใช่หรือไม่ว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน ? วันนี้เจ้าลองพิจารณาดู ที่ไต้หวัน ที่จีนแผ่นดินใหญ่ และมองดูทั่วโลก
เจ้าพูดว่าพวกที่มีผิวสีเหลืองคือ คนจีน เมื่อพูดขยายความอีกหรือว่ามีเพียงคนไต้หวันถึงจะเป็นคนจีนใช่หรือไม่ ?
แล้วคนจีนที่อยู่ในรัฐอเมริกา พวกเขาเป็นคนสหรัฐอเมริกาหรือว่าเป็นคนจีนกันล่ะ ? ถูกต้อง!! เป็นเพราะเลือดที่
ไหลเวียน อยู่ในตัวพวกเขา ก็เป็นสายเลือดของลูกหลาน ที่สืบทอดมาจากบรรพกษัตริย์เหลืองหวงตี้ อย่างนี้เข้าใจ
หรือไม่เข้าใจ ? และก็พูดได้ว่า ทั้งสิบแปดสายธรรมนั้นล้วนแต่ร่วมสายเลือดเดียวกัน ใช่หรือไม่ว่าล้วนแต่เป็น
สายเลือดของพระอาจารย์ชายและพระอาจารย์หญิง ? ใช่หรือไม่ว่าล้วนแต่เป็นผู้สืบทอดสืบสาย
พระโองการณ์สวรรค์ ของเบื้องบน ?
ดังนั้นจึงไม่ควรเปรียบเทียบว่าใครใหญ่กว่ากัน ไม่ควรแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันไม่ควรเปรียบเทียบแข่งขันกัน

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม

      คุกกรงนก

         คุกกรงนก ถ้าพูดตามชื่อแล้วคุกนี้ก็คือกรงที่สำคัญที่สุด ก็เกี่ยวข้องกับบรรพบุรุษเจ็ดชั้นลูกหลานเก้าชั่วคน
ความหมายก็คือ ลูกหลานได้ฉุดช่วยบรรพบุรุษกลับคืนไปแล้ว จากนั้นก็ไม่ได้บำเพ็ญต่อเป็นการหลอกลวงเบื้องบน
ลองคิดดูว่าพวกเจ้านั้นมีบุญกุศลมากเท่าไหร่ ? อดีตชาตินั้นกระทำมาอย่างไร ? ชาตินี้พวกเจ้ามีวาสนาตอบสนอง
หรือไม่? เบื้องบนเมตตาให้เจ้าได้รับวิถีธรรมอันยิ่งใหญ่ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากเบื้องบนให้ฉุดช่วยบรรพบุรุษ
ของพวกเจ้ากลับคืนไปได้ ผู้ที่ถูกกักขังที่คุกสวรรค์นั้นคือ ผู้ที่ไม่ได้บำเพ็ญจึงต้องอาศัยบารมีแสงธรรมจากลูกหลาน
และบำเพ็ญเคี่ยวกรำอยู่ที่เบื้องบน เดิมทีสามารถอยู่ที่พุทธาลัยเตรียมตัวรับมรรคผลในงานประชุมนาคะประภัสสร
หลงฮว๋าได้ แต่หากลูกหลานบำเพ็ญถึงช่วงสุดท้ายแล้วหมดเรี่ยวแรง จึงไม่บำเพ็ญกันต่อ ไม่บำเพ็ญอย่างเสมอต้น
เสมอปลายถ้าเป็นเช่นนี้ ก็จะถูกลดตำแหน่งลงสามขั้น ดูว่าฉุดช่วยบรรพบุรุษมาจากภพภูมิใดก็ต้องกลับไปที่ภพภูมินั้น
        แต่ถ้าลูกหลานบนโลกบำเพ็ญอย่างต่อเนื่อง  สร้งบุญสร้างกุศล บำเพ็ญปฏิบัติ บรรพบุรุษที่อยู่เบื้องบนก็จะมี
บุญกุศล มีโอกาสได้นั่งบนบัลลังก์บัวด้วย แต่ถ้าลูกหลานไม่ได้บำเพ็ญอย่างต่อเนื่อง เพียงแค่จ่ายเงินไม่กี่หมื่นเหรียญ
ฉุดช่วยคนแค่ไม่กี่คน แล้วก็สามารถฉุดช่วยบรรพบุรุษ กลับคืนไปได้ แบบนี้จะสามารถหมดสิ้นบาปเวรกรรมที่สร้างสม
มาหกหมื่นปีได้ไหม ? ที่น่าสงสารคือต้องตกลงไปสามชั้น บางคนต้องถูกกักขังอยู่ในคุกสวรรค์ก่อน ต้องรับบาปแทนลูกหลาน บางคนยิ่งแย่กว่านั้นอีก จิตญาณตนเองก็ไม่สว่างไสวและไม่มีบุญจริงกุศลแท้ ด้วยเหตุนี้ก็ต้องถูกลงโทษให้ไปสู่นรกภูมิ
จากเบื้องบนต้องตกไปสู่นรกกฃภูมิ
       การบำเพ็ญธรรมไม่เหมือนการค้าขาย เริ่มต้นกระตือรือร้นดีต่อมากลับเฉื่อยชา ได้กำไรจากเบื้องบนแล้ว
ก็เลิกทำงานเลย เช่นนี้ก็ยากที่จะคิดถึงผลที่จะได้รับแล้ว ดังนั้นผู้บำเพ็ญธรรมทั้งหลายต้องเสมอต้นเสมอปลาย
บำเพ็ญจากวินาทีแรกจนถึงวินาทีสุดท้าย แล้วจะบำเพ็ญจนถึงเมื่อไร ?ก็คือ บำเพ็ญจนกว่าจะหมดลมหายใจนั่นเอง
จึงต้องเร่งสร้างบุญกุศลอุทิศให้บรรพบุรุษไป รู้หรือไม่ ? ถึงจะอยู่ในนรกภูมิก็ได้รับบารมีแสงธรรม หรือที่อยู่เบื้องบน
ก็จะได้รับบารมีแสงธรรมด้วย แล้วเราสามารถแผ่บุญกุศลให้ผู้ที่อยู่เบื้องบนได้ไหม ? ได้แน่นอน บุญกุศลนั้นไม่กลัว
ว่าจะมีเยอะกลัวแต่จะมีน้อยมากกว่า       

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม

   คุกน้ำหลาก
       
      จากชื่อนี้ความหมายก็คือ ร่างกายอยู่ในท่ามกลางน้ำท่วม แท้จริงแล้ววิญญาณบาปทุกดวงที่ถูกลงโทษ
ร่างกายของเขาจะไม่เคลื่อนไหว การลงโทษที่เกิดขึ้นล้วนเกิดมาจากมายาภาพฝันทั้งสิ้น
     แท้จริงแล้ววิญญาณบาปทุกดวงนั่งสมาธินิ่ง ๆ อยู่ในถ้ำนั่งประจำอยู่กับที่ ตัวเขาเองไม่ได้ขยับเขยื้อน ที่
ขยับเขยื้อนคือจิตใจของพวกเขา เหมือนเกิดมายาภาพลวงตา
     
      อยู่ที่คุกสวรรค์นี้จะต้องถูกลงโทษอย่างไร ?

จะมีความรู้สึกเหมือนว่าตัวเองนั่งอยู่ในสายน้ำที่เชี่ยวกราก อะไรเรียกว่าสายน้ำเชี่ยวกราก ? เคยเห็นน้ำที่ไหลโกรก
ลงมาจากภูเขาไหมล่ะ ? ใช่หรือไม่ใช่ว่าทั้งต้นไม้ ต้นหญ้า ดิน ทราย ฯลฯ รวมกันไหลลงมาจากภูเขาด้วยเลยทำให้
น้ำสกปรก ในน้ำยังมีก้อนหิน ท่อนไม้ เศษไม้ ฯลฯ เขาจะมีความรู้สึกว่า อยู่ท่ามกลางสายน้ำที่ไหลเชี่ยว ได้รับการ
กระแทกจากก้อนหินก้อนดินเหล่านั้น ซึ่งเจ็บปวดและทุกข์ทรมานมาก ถ้าหากว่ายังไม่มีความพอใจหรือยังมีการ
ตัดพ้อต่อว่าก็ยังจะต้องรับโทษอย่างนั้นต่อไปเรื่อย ๆ
      แต่ถ้าหากว่าทำจิตใจให้สงบนิ่งได้ รู้จักสำนึกขอขมาและรู้จักที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตัวเอง เมื่อจิตญาณ
ของเขานิ่งสงบได้แล้ว น้ำก็จะเปลี่ยนเป็นนิ่งใส สิ่งต่าง ๆ ที่ลอยปะปนอยู่ในน้ำก็จะมีปริมาณน้อยลง แล้วก็จะย้อน
กลับไปสู่วิญญาณเดิมของเขาได้ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น การถูกลงโทษในท่ามกลางคุกน้ำหลาก ผู้ที่จะถูกลงโทษ
ก็คือ  ประการแรก  คนที่ทำผิดในเรื่อง""ลูกคนอื่นตายก็ช่างหัวมัน ญาติธรรมตายเราอย่าได้ตายก็แล้วกัน""คน
ประเภทนี้ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรที่ไม่ดีเกิดขึ้น ก็จะรีบผลักไสออกไปนอกตัว กลัวตัวเองจะรับผลจากเรื่องที่ไม่ดี
เหล่านั้นไปด้วย ให้เพื่อนร่วมบำเพ็ญตายก่อนตัวเองก็จะหลีกหนีความตายนั้นไป เรื่องแค่นี้ก็ไม่กล้ารับผิดชอบ
ทุกเรื่องเห็นแต่ตัวเองเป็นใหญ่ คิดแต่ว่าญาติของตนลูกหลานของตนรากบุญดีและบำเพ็ญได้ดี อะไรไม่ดีก็โทษว่า
คนอื่นเป็นอุปสรรคขัดขวางหาว่าคนอื่นมาทดสอบตัวเรา
        ประการที่สอง  คือตัวเองไม่บำเพ็ญปฏิบัติอย่างจริงจัง วันทั้งวันมีแต่ความคิดที่ไม่ดีไม่งาม คิดแต่ว่าคนอื่น
เป็นอุปสรรคขัดขวางตัวเอง รู้สึกเหมือนว่าตัวเองได้สร้างบุญกุศลและเจริญปณิธาน แต่ที่คนอื่น ๆทำนั้นเป็นการ
ทำบุญเอาหน้าก็สละให้คนอื่นทำ ตัวเองก็ไม่ทำแล้วได้แต่เดินแตร่ไปแตร่มา ทำนิด ๆ หน่อย ๆ แต่ก็ยังมีความรู้สึก
ว่าคนอื่นเป็นอุปสรรคขวางกั้นตัวเองอีก ทนไม่ได้กับการกระทบกระทั่งอารมณ์กับผู้อื่น ทนไม่ได้กับการถูกทดสอบ
เล็ก ๆ น้อย ๆ ทนไม่ได้กับการถูกเบื้องบนขัดฝนนิด ๆ หน่อย ๆ ผลลงเอยของคนประเภทนี้ก็เป็นอย่างที่กล่าวมา
นี้เอง ในที่สุดก็ต้องถูกกระทบกระแทกและทิ่มตำเสียดแทงที่มากกว่าเดิมอีก
      ผู้บำเพ็ญต้องมีความมุ่งมั่นยืนหยัดไหม ?พวกเจ้าได้พูดคำอย่า่งนี้กับหรือเปล่า ?เช่นคน ๆนั้นพูดจาเข้มงวด
เกินไป ทดสอบจนฉันตกหล่นไปแล้ว ? มาอานาจักรธรรม ก็มาเดิน ๆ ฟัง ๆ พูดว่าคนนั้นเป็นอย่างนั้นอย่างนี้คราวหน้า
ฉันจะไม่มาแล้ว พวกเจ้าทั้งหลายอย่าได้คิดว่าเบื้องบนไม่มีหูแล้วจะฟังไม่ได้ยิน ที่จริงแล้วเบื้องบนได้ยินทั้งหมด
สิ่งเหล่านี้คือผิดบาปของเจ้าอย่าไปติว่าคนอื่นเป็นอุปสรรคขัดขวางเจ้าเลย อย่าไปโทษว่าคนอื่นไม่ดีกับเจ้าเลย
     พวกเจ้าต้องรู้จักย้อนมองส่องตน ดูซิว่าตัวเองมีความยืนหยัดมุ่งมั่นไหม ?ดูซิว่าความมุ่งมั่นของตัวเองนั้นยืน
หยัดแข็งแกร่งหรือไม่ ? ดูซิว่าเป้าหมายของตัวเองชัดเจนไหม ?ดูซิว่าตัวเองแข้มแข็งพอหรือยังจะต้องมุ่งมั่นตั้ง
ใจจริงมีจิตใจทำเพื่อส่วนรวม อย่าให้ปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ มากระทบถูกแล้วจึงถดถอยไป อย่างนี้ง่ายหรือไม่ง่าย?
ทำกันได้หรือเปล่า?
      พวกเจ้าใช่หรือไม่ใช่ว่ามีจิตใจคับแคบ ? หวังว่าพวกเจ้าจะไม่เป็นกัน บำเพ็ญธรรมจะต้องฝึกหัดตามอย่าง
พระศรีอาริยเมตไตรยที่ท้องใหญ่ใจกว้าง โอบอุ้มให้อภัย พวกเจ้าต้องฉลาดอย่างจริง ๆกัันสักหน่อย บำเพ็ญปฏิบัติ
ต้องเร่งรีบฉกฉวยโอกาสในการสร้างบุญกุศลและเจริญปณิธาน การส่งเสริมสนับสนุนญาติธรรมใช่หรือไม่ใช่ว่า
ก็ต้องฉกฉวยเอา มีใครขัดขวางเจ้าหรือบอกให้เจ้าไม่ต้องเดินไม่ต้องทำไหม ?หรือเจ้าเห็นคนอื่นเลือกทำอย่างนั้น
อยู่เจ้าก็เลือกทำอย่างอื่นได้เช่นว่า ไม่มีใครเก็บขยะ เจ้าก็ไปเก็บเสียเองอย่างนี้มันง่ายดายสำหรับเจ้าเหลือเกิน
     อย่างการยืนบรรยายบนเวทีก็มีคนเดียวเท่านั้นที่ยืนบรรยายได้ ดังนั้นพวกเจ้าบำเพ็ญธรรม จะต้องให้ความ
เคารพนับถือผู้อื่น  โอกาสอย่างนี้ก็ต้องหมุนเวียนสับเปลี่ยนกัน วันนี้เปลี่ยนให้คนได้อื่นขึ้นบรรยาย  ทุกคนบรรยาย
ไม่เหมือนกัน  เพราะความเข้าใจตระหนักรู้ไม่เหมือนกัน ระดับจิตใจก็ไม่เหมือนกัน ดังนั้นระดับจิตมีอยู่ถึงใหน
ก็ทำไปถึงระดับนั้น จะต้องศึกษาตามอย่างของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย พวกเจ้าอย่าได้คิดว่าได้ฟังประชุมครั้งใหญ่
มาแล้วสามครั้ง แล้วจะขึ้นสวรรค์ได้มันคงไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก จะต้องสร้างบุญจริงกุศลแท้ จะต้องเสียสละอุทิศ
เพื่อธรรมะ ต้องเผยแพร่กระจายความดีงาม ดีหรือไม่ดี ?   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม

      คุกใบไม้ร่วง

        เมื่อพูดถึงคุกนี้ พวกเจ้าจะต้องระมัดระวัง เพราะว่าพวกเจ้ามักจะผิดร้ายแรงความคิดของพวกเจ้า
เคยตัดขาดบ้างไหม ? แม้กระทั่งเวลานอนก็ยังคิดกันอยู่เลย กลางวันก็คิดมาก กลางคืนก็ฝันฟุ้ง
       ที่จริงแล้วจิตใจของพวกเจ้าไม่ได้พักผ่อนเลย ดังนั้นจึงต้องเร่งรีบวุ่นวายอย่างนี้  ความคิดจิตใจช่าง
มากมาย จึงง่ายที่จะมีพันธนาการผูกมัด ที่จริงแล้วก็เป็นเพราะคิดมากมีเรื่องราวมากมายที่พวกเจ้าอาจจะ
ได้แต่คิดเปล่า ๆมีเรื่องราวมากมายที่พวกเจ้าไม่ได้ไปทำยากที่จะจับความคิดได้ จิตใจเหมือนกับลิง
ความคิดก็เหมือนกับม้าปล่อยออกไปได้ง่ายๆ แต่จะเก็บกลับมานั้นมันยาก
       บางครั้ง เรื่องที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไรก็เอามาคิดสับสนวุ่นวาย ดังนั้นผู้บำเพ็ญจะต้องกำจัดอารมณ์
ทั้งเจ็ด และตัณหาหกทิ้ง จะต้องกำจัดสามใจสี่รูปลักษณ์ จะต้องกำจัดอกุศลกรรมบทสิบ และมิจฉัตตะแปด
และจะต้องปฏิบัติตามอริยมรรคมีองค์แปด
      ผู้ที่กักขังอยู่ในคุกสวรรค์นี้มีผิดบาปหนักหนา เพราะกระทำความผิดตามแต่ความคิดของตนเอง เช่น
ว่าวันนี้ทะเลาะเบาะแว้งกับคนอื่น เจ้าก็จะคิดไปว่าจะต่อยตีเขาอย่างไร จะเข่นฆ่าเขาอย่างไร นี่เป็นการกระทำ
ผิดเพราะความคิดบำเพ็ญธรรมก็เช่นเดียวกัน เช่นเมื่อตั้งปณิธานกินเจก็มีความคิดที่จะทุศีลแตกเจ ปากเจแต่
ถ้าใจไม่เจ ก็เป็นการทุศีลแตกเจแล้ว
     ดังนั้นบำเพ็ญธรรม จึงต้องบำเพ็ญที่ปากของตัวเอง และยังต้องบำเพ็ญที่จิตใจของตัวเองอีกด้วย บำเพ็ญ
ความคิดของตัวเอง ต้องพิจารณาว่าความคิดของตัวเองถูกต้องเที่ยงตรงหรือไม่ ? ดีงามหรือเปล่า ?บริสุทธิ์
หรือเปล่า ? ผู้ที่กระทำผิดเพราะความคิดแรือทุศีลก็จะต้องมารับโทษอยู่ที่คุกแห่งนี้ และยังมีที่ร้ายกว่านี้อีก
เช่นผู้ที่มีความเห็นแก่ตัวมากเกินไป หรือผู้ที่มีจิตใจคับแคบเกินไป
     ที่จริงแล้ว ผู้ที่มีความเห็นแก่ตัวมากหรือมีใจคนอยู่มาก ก็ยังจะต้องไปคุกสวรรค์หลาย ๆคุกด้วยกัน
ไปยังคุกสวรรค์เพื่อค่อย ๆ ฝึกหัดขัดเกลา หากมีความคิดวุ่นวายอยู่มาก ก็จะได้รับความทุกข์ยิ่งมาก

     การลงโทษ

     การลงโทษนี้คือ ใจเกิดมายาภาพเช่น ตัวไปอยู่ในท่ามกลางป่าทึบ หากว่าเป็นผู้ที่มีความผิดบาปมาก
ใบไม่ก็จะร่วงหล่นตลอดเวลา ใบไม้ร่วงยังไม่เป็นอะำไร แต่ถ้าหากเจ้ายังไม่เก็บกวาดใบไม้เหล่านั้นขึ้นมา
มันก็จะกลายเป็นหนอนบิน แล้วหนอนบินนั้นจะต้องกัดใคร ? แน่นอนว่ามันจะต้องมากัดเจ้าเป็นเพราะว่า
ในป่าทึบนั้นมีแค่เจ้าคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ภายใน เมื่อเดินครบรอบแล้ว ก็ต้องกลับมาตั้งต้นใหม่ ดังนั้น
ความเร็วที่ต้องใช้ในการเก็บกวาดใบไม้ก็จะต้องเร็วมากขึ้น ใบไม้เหล่านั้นก็คือขยะที่อยู่ในใจของพวกเจ้า
นั่นเอง คนที่มีขยะในใจอยู่เยอะก็จะยิ่งยุ่งวุ่นวาย เพราะใบไม้จะยิ่งร่วงหล่นลงมามาก
     ผู้ที่ยิ่งสงบผ่องแผ้วหรือไร้ความคิดที่ไม่ดีงาม เขาก็จะสามารถย้อนกลับสู่โฉมหน้าเดิมแท้ได้ ก็จะไม่มี
ใบไม้แห้งร่วงหล่น ต้นไม้แห่งธรรมเหล่านั้นก็จะเปลี่ยนเป็นใบสีเขียว มีลมเย็นพัดโชยมา เมื่อลมเย็นพัดมาแล้ว
ร่างญาณก็จะสบาย ก็จะไม่ถูกหนอนบินเหล่านั้นกัดต่อย
    พวกเจ้าได้เจริญปณิธานไปพลาง แล้วก็ตัดพ้อต่อว่าไปด้วยหรือเปล่า ? อย่างนี้ไม่ได้ จะต้องถูกลงโทษ
เป็นเพราะจิตใจของเจ้าไม่บริสุทธิ์ดีงาม อย่าได้แปดเปื้อนกันนะ อย่างนี้เข้าใจไหม ?

      การแก้ไข

     ดังนั้นผู้ืี่ที่ทำผิดในสิ่งที่กล่าวไปแล้วนั้น จะต้องรีบสำนึกขอขมารีบบำเพ็ญขัดเกลา ใจที่ผ่านมาแล้วในอดีต
อย่าได้มี อย่าได้มีความคิดที่ยึดมั่นถือมั่นในอัตตาตัวตนและเห็นแก่ตัว จะต้องบำเพ็ญขัดเกลาให้ความคิดนั้น
บริสุทธิ์ผ่องแผ้วเป็นหนึ่งเดียว ความคิดใด ๆ ไม่ก่อเกิดก็ได้แล้ว นั่นจึงจะเป็น""ความว่างอย่างแท้จริง""ไม่ใช่
""ความว่างอย่างเท่าเทียม""

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม

         คุกถอนตะปู

      พวกเจ้าเคยจับจ้องมองคนอื่นอย่างไม่วางตาไหม ? อย่างนี้ก็คือตอนมีชีวิตอยู่ชอบวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น
ยโสโอหัง ชอบทำลายชื่อเสียงของคนอื่นมองไม่เห็นความดีของคนอื่น เห็นคนอื่นได้ดีแล้วทนไม่ได้คอยเหยียบ
ย่ำซ้ำเติมและยังชอบจับผิดหรือขุดคุ้ยหาข้อด้อยข้อบกพร่องของคนอื่น เพื่อทำให้ตัวเองได้ประโยชน์ อย่างนี้
ล้วนเป็นความผิดบาปที่ยิ่งใหญ่ เบื้องบนจะบันทึกบาปเหล่านี้ไว้
         
         การลงโทษ

       ในมือของทุกคนจะถือค้อนอันใหญ่และก็จะมีตะปูให้ถืออีกคนละหนึ่งด้วย พอมีความคิดใด ๆเกิดขึ้นปุ๊ป
ตะปูก็จะตอกตรึงเขาเอาไว้กับพื้น เมื่อตอกไปแล้วหนึ่งตัว ก็ยังมีตัวที่สองอีกแต่ว่าค้อนเหล็กอันนั้น จะแบ่งตาม
ความผิดบาปของแต่ละคน มีทั้งที่เบาและมีทั้งที่หนัก และมีพื้นที่แข็งหรือพื้นที่นุ่ม เหล่านี้ล้วนเกี่ยวข้องกับความ
ผิดบาปของแต่ละคนเองถ้าความผิดบาปหนักหนาพื้นก็จะยิ่งแข็ง ค้อนก็จะยิ่งหนัก นี่เป็นสิ่งที่ไม่มีรูปลักษณ์ แต่เป็น
เพราะการกระทำที่ผิดบาปของตัวเอง จึงทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้น
        แต่ถ้าจิตใจนิ่งสงบไม่มีความคิดอื่นใดเกิดขึ้น สำนึกขอขมาต่อเบื้องบน เปลี่ยนแปลงแก้ไขตัวเองเป็นคนใหม่
ก็สามารถทำให้จิตวิญญาณของตัวเองใสสงบผ่องแผ้ว แล้วนั่งได้อย่างเรียบร้อยอย่างนี้ก็จะไม่มีความรู้สึกแปลก ๆ
หรือมายาภาพไม่ต้องได้รับความทุกข์เข้าใจหรือไม่ ? ผู้ได้รับโทษเคี่ยวกรำอยู่ในคุกนี้ล้วนแต่เป็นเพราะตัวเองมี
สายตาที่สั้นและตื้นเขินเหมือนนั่งอยู่ในบ่อแล้วแหงนมองดูท้องฟ้าเป็นเหมือนกบในกะลาอย่างไรก็อย่างนั้น
        บางคนจำกัดที่ของตัวเอง บางคนปิดกั้นตัวเอง ถ้าเขาเข้าใจกาลเวลาของฟ้า เห็นคนอื่นเดินก้าวไปข้างหน้า
เขาก็จะเดินก้าวไปข้างหน้าตาม แต่ผู้ที่ถูกลงโทษเคี่ยวกรำในคุกนี้ ก็จะไม่เหมือนกัน เขาเห็นคนอื่นเดินก้าวไป
ข้างหน้าแต่ตัวเองเต็มใจที่จะย่ำอยู่กับที่ ไม่ก้าวเดินไปข้างหน้ากับคนอื่น แม้จะรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของกาล
เวลาฟ้า แต่ก็ไม่เต็มใจที่จะเดินตามกาลเวลาของฟ้า ไม่เต็มใจที่จะทำตามคำชี้แนะชี้นำของเบื้องบน
        ปัจจุบันนี้ มีนักธรรมอาวุโส เตี่ยนฉวนซือ เจี่ยงซือ และญาติธรรมอาวุโสจำนวนมาก ได้ใส่ร้ายทำลาย
เรื่องของการปกโปรดสามโลก เพราะเขาไม่ได้เข้ามาร่วมด้วย ได้ยินคนอื่นเขาพูดมาอย่างนี้ ก็พูดตามไปอย่างนั้น
น่ากลัวไหมล่ะ ? คนอื่นเขาพูดอะไรกันมา ไม่ควรที่จะเชื่อเพราะอาจจะไม่จริงก็ได้
        ในขณะที่พระอาจารย์ชายพระอาจารย์หญิงยังมีชีวิตอยู่สามารถปรกโปรดสามโลกได้ แล้วทำไมหลังจาก
ที่พระอาจารย์ชายพระอาจารย์หญิงได้ละกายสังขารไปแล้ว ศิษย์ทั้งหลายจึงไม่สืบทอดต่อพระปณิธานของ
พระองค์ทั้งสองโดยกล้าหาญเด็ดเดี่ยวในการปฏิบัติสืบต่อไปอีก ? นี่ก็เหมือนกับว่าในวันนี้มีอาจารย์คนหนึ่ง
ถ่ายทอดเคล็ดลับของการรักษาโรคให้กับลูกศิษย์ไป พออาจารย์ได้ตายจากไปแล้ว ลูกศิษย์คนนั้นก็ไม่ได้
ถ่ายทอดเคล็ดลับที่ว่านี้ไปให้คนอื่น ๆ ต่อ ได้แต่พูดอย่างง่าย ๆ เป็นเพียงตำรับยาอย่างง่าย ๆ อย่างนี้จะเป็น
วิธีการที่ตรงเป้าหรือไม่ตรงเป้า
         การปรกโปรดสามโลกนั้นเป็นมหาปณิธานของพระอาจารย์ชายและพระอาจารย์หญิง พวกเจ้าเองก็เป็น
ถึงศิษย์ของพระอาจารย์ชายกงฉังและพระอาจาริณีจื่อซี่ ล้วนแต่เป็นลูกที่ดีของเบื้องบน ก็ควรที่จะกล้าแบกรับ
ขึ้นมา จะต้องเข้าใจของกาลเวลาฟ้า อย่าได้ทำอะไรตามอำเภอน้ำใจเพราะไม่เข้าใจหลักธรรมอย่างชัดเจน
แล้วก่อให้เกิดการใส่ร้ายทำลาย ดั่งกับนั่งมองฟ้าอยู่ในบ่อ ขีดเส้นตีกรอบขังตัวเองไม่เต็มใจที่จะก้าวไปข้างหน้า
เดินไม่ทันก้าวย่างของนักธรรมอาวุโส
       
         ผู้ที่ได้รับการลงโทษเคี่ยวกรำ

      ก็เป็นเพราะพวกเขาเกิดมายาภาพหลอน เช่นคิดว่าตัวเองอยู่ในบ่อน้ำ เป็นเพราะข้างล่างมีสุนัขทองแดง
สัตว์ดุร้ายที่ตัวเป็นไฟ และยังมียักษ์ที่รูปร่างหน้าตาน่าเกลียดอัปลักษณ์ ที่มาคอยหลอกหลอนและลงโทษ
ประหัตประหารพวกเขา ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นมีเชือกเส้นหนึ่งหย่อนลงมาจากด้านบน ต่างก็พยายามที่จะปีน
ป่ายเชือกเส้นนั้นให้ได้ แต่เชือกก็จะแตกต่างกันไปตามแต่ความคิดของแต่ละคน บางเส้นมีหนามแหลม ขึ้นเต็ม
ไปหมด บางเส้นมีหนอนพิษ บางเส้นมีเดือยแหลม บางเส้นเล็กละเอียดเหมือนเส้นไหม เส้นหยาบใหญ่เหมือน
ถังน้ำ เพราะความคิดของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ความผิดบาปก็ไม่เหมือนกัน ข้อผิดพลาดก็แตกต่างกัน
     การลงโทษจึงแตกต่างกันไปไม่เหมือนกัน แต่ทุก ๆ คนก็จะต้องหนีตายขึ้นไปข้างบนให้ได้แต่พวกเขา
จะมีความรู้สึกแปลก ๆ ตรงที่ว่าไม่ว่าพวกเขาจะปืนขึ้นไปได้สูงขนาดใหนแล้วก็ตาม แต่สัตว์ร้ายสุนัขทองแดง
รวมทั้งยักษ์ร้ายเหล่านั้นก็ยังอยู่ใกล้ ๆ พวกเขาไม่ได้หลีกห่างกันไปใหนเลย ก็ยังตามคุกคามตอแยอยู่นั่น

         ผู้บำเพ็ญธรรมเกิดมีจิตใจที่หวั่นกลัวได้หรือไม่ ?

       หากจิตใจเกิดความหวั่นกลัวก็จะตกไปสู่อสูรกายภูมิได้ง่าย ๆ ก็จะตกไปสู่แดนมารแล้วเกิดมีภาพมายา
เพ้อฝัน หากพวกเจ้าหวาดหวั่นกลัวเมื่อใด ก็จะเหงื่อกาฬแตก ใจฝ่อหวาดผวา หวั่นกลัว และสั่นเทื้มสั่นเทา
ด้วยความไม่รู้ ใช่หรือไม่ใช่ นี่ก็เป็นการลงโทษอย่างหนึ่ง
       บางครั้งให้พวกเจ้าได้รู้ถึงกาลเวลาของฟ้า ให้ได้รู้ถึงเจตนาของเบื้องบน แต่พวกเจ้ากลับไม่กระตือรือร้น
ไม่ก้าวไปข้างหน้าได้แต่ยึดติดกรอบของตัวเองตายตัว คิดแต่ว่าฉุดช่วยผู้อื่นได้จำนวนหนึ่งแล้วก็จะได้กลับคืน
เบื้องบน นี่เป็นความเข้าใจที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนอย่างมหันต์ เพราะมีคำพูดที่พูดกันเสมือนว่า""ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด""
แต่ถ้ารู้ทั้งรู้แล้วก็ยังกระทำผิด ผิดบาปก็ย่อมหนักกว่าปกติ ถึงแม้จะเป็นผู้ไม่รู้ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความผิดเลย
จริง ๆ แต่ผู้ที่รู้ว่าผิดและก็ยังตั้งใจกระทำผิด ก็จะต้องถูกลงโทษเพิ่มทบทวีเป็นสองเท่าตัว

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
     
         คุกแสงพิฆาต

      ตามความหมาย คือ ภายในถ้ำจะมีแสงพิฆาตที่เจิดจ้า แสงที่เปล่งออกมานั้นมีพลังแห่งการฆ่าและทำให้
บาดเจ็บ ได้เอาไว้ลงโทษผู้ที่ตอนมีชีวิตอยู่ ชอบดูหนังสือที่ไม่ดีงามสายตาไม่ดีงามถูกต้อง สายตาชอบดูสิ่งของ
ที่สวย ๆ งาม ๆ แต่ไม่ชอบสิ่งอัปลักษณ์ และยังมีอีกประเภทหนึ่งคือ ชอบใช้สายตาเหยียดหยามคนอื่น เป็นเพราะ
เขาคิดว่าตัวเองฉลาดปราดเปรื่อง คิดว่าตัวเองเกิดมารูปร่างหน้าตาดี...จึงได้ดูถูกเหยียดหยามคนอื่นชีวิตอื่น
      ตัวอย่างเช่น ปัจจุบันนี้ตามเสาไฟฟ้าจะติดภาพวับ ๆ แวม ๆ ติดภาพที่นุ่งห่มน้อยชิ้น เป็นจำนวนมาก หากว่า
พวกเจ้าเดินผ่านแล้วก็ยังตั้งใจไปมอง นี่เรียก่า""ไม่ถูกต้องต่อจริยธรรมความดีงามแล้วยังไปมอง""สายตาจึงไม่
ถูกต้องเที่ยงตรง ฝ่ายหญิงไม่ค่อยเป็นกันเท่าไหร่ แต่ฝ่ายชายจะต้องระมัดระวังกันสักหน่อย ดังนั้นจะต้องตั้งอก
ตั้งใจในการบำเพ็ญขัดเกลา จะต้องบ่มเพาะการมองสิ่งที่ดีงามของตัวเอง ดวงตาจะต้องมองแต่สิ่งที่ถูกที่ควร
อย่าได้มองในสิ่งที่ไม่ควรมอง สิ่งใดที่ผิดต่อจริยธรรมความดีงามก็อย่าได้ไปดูไปแล
      อีกประเภทหนึ่งที่ต้องถูกกักขังในคุกนี้ คือผู้ที่ชอบเข้าฌานนั่งสมธิ เป็นเพราะคิดอยากจะเห็นอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์
เมื่อนั่งสมาธิก็อยากจะเห็นทิวทัศน์ความเป็นไปของสวรรค์ คนที่เป็นแบบนี้นั้น จิตใจไม่เที่ยงตรง ใจมารก็จะเข้า
แทรกได้ ถึงแม้ว่าคนเหล่านี้จะได้สร้างบุญสร้างกุศล แต่ก็ยังมีความเอนเอียงของความคิดอย่างนี้ก็ต้องถูกลงโทษ
บำเพ็ญขัดเกลาอยู่ที่ข้างในนี้ ก็ต้องลำบากลำบนสักหน่อย เพราะเมื่อแสงเจิดจ้าได้สาดส่องมาแล้ว ดวงตาก็จะกลัว
แสงจนน้ำตาไหล ดวงตาก็จะแสบและอ่อนกำลัง
      นี่ก็เป็นความทุกข์ทรมานอย่างหนึ่ง ดังนั้นในสมองก็จะผุดเกิดความชั่วในอดีตออกมา การลงโทษที่นี่ไม่มี
เยื่อใยสัมพันธ์ใด ๆ ทั้งสิ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม

         คุกเติมดอกไม้บนผ้าดิ้น

      ความหมายก็คือ ผู้ที่ชื่นชอบให้เปลือกนอกนั้นดูดี (ข้างนอกสุกใสข้างในเป็นโพลง ) ชื่นชอบความหรูหรา
โอ่อ่าแต่เพียงเปลือกนอก ได้แต่ประดับประดาให้ภายนอกดูดี ชอบประจบสอพลอกับผู้มีอำนาจ มีคำหนึ่งที่ว่า
""แตงโมอร่อยเลือกชิ้นใหญ่""
      ดังนั้นพวกเราบำเพ็ญธรรม จิตใจต้องราบเรียบต้องมีความยุติธรรม เห็นคนอื่นยังไม่สมบูรณ์ก็ต้องช่วยเหลือ
เกื้อกูลเขา อย่าได้มองว่าใครกำลังประสบความราบรื่นในชีวิตหรือได้ดีมีวาสนา ก็เลยไปประจบประแจงอาศัย
อิทธิพลของเขา
     อีกประเภทชอบอาศัยความสัมพันธ์ของคนมาบำเพ็ญประจบสอพลอผู้มีอิทธิพล เหมือนกับผ้าดิ้นที่สวยงาม
อยู่แล้วก็ยังปักดอกไม้ลงไปอีก
     อีกประเภท ตลอดชีวิตเป็นคนพูดจาปากหวาน แต่ไม่จริงใจ ก็จะกลายเป็นคำพูดสอพลอ ถ้าเป็นคนประเภทนี้
คำพูดที่เขาพูดออกไปจะถูกบันทึกไว้ที่""คลังเก็บคำพูดสอพลอ"" เพราะเขาพูดสอพลอเรื่องไม่จริงเอาไว้มากมาย
บนฟ้าก็จะมีดอกไม้โปรยปรายลงมามากมาย กลิ่นของดอกไม้เหล่านั้น เมื่อได้ดมแล้วก็จะทิ่มแทงจมูก และเมื่อ
สัมผัสกับผิวหนังก็จะทำให้คันด้วย จาม คันหู ทั้งตัวก็จะคันไปหมดเหมือนเป็นโรคภูมิแพ้อย่างนี้น่ากลัวไหม ?
     นี่เป็นเรื่องน่ากลัวมากอีกอย่างหนึ่งแต่ว่าผู้ที่ถูกเคี่ยวกรำอยู่ที่นี่ต้องทำจิตใจให้สงบและอารมณ์ต้องเยือกเย็น
ต้องเก็บจิตใจให้สงบ ต้องสำนึกขอขมา
     สำหรับพวกที่รุนแรงหน่อย หูของเขาก็จะได้ยินเสียงหัวเราะของเทวบุตรมารด้วย เป็นเพราะผู้บำเพ็ญจะต้อง
บำเพ็ญปฏิบัติอย่างจริงจัง หากไม่มีจิตใจอย่างพุทธะ ก็จะมีจิตใจอย่างมาร
     ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า ถ้าต้องการให้จิตใจของเราเที่ยงตรงดีงามได้ ก็จะต้องย้อนมองส่องตนทุก ๆ ขณะจิต
จะต้องพิจารณาตนตลอดเวลา

Tags: